วันที่ 14 มิถุนายน เมื่อเวลา 11.00 น. บิดาผู้ก่อเหตุวัย 75 ปี ได้เดินทางมาที่ สภ.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ เพื่อขอเข้าเยี่ยมลูกชายที่ฆ่าแม่อายุ 72 ปีของตัวเอง โดยใช้มีดแทงที่หน้าอกและฟันคอขาด และฆ่าเพื่อนบ้านคือนายสำรวย ยอดแสง อายุ 59 ปี ใช้มีดแทงที่กลางหลังและฟันคอขาด เมื่อวานนี้หลังจากกลับจากหาปลามาพบเหตุการณ์ที่ลูกชายกระทำ โดยรู้สึกเสียใจที่ลูกชายฆ่านายสำรวยเพื่อนบ้าน และแม่ของตัวเอง โดยตั้งแต่เช้าได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าลูกชายติดกัญชา เสพกัญชาเช้ากลางวันเย็นทุกวัน ส่วนดมกาวยังไม่เคยเห็น แต่เพื่อนบ้านเล่ากัน มาวันนี้ก็เริ่มทำใจได้แล้วและสงสารลูก ก่อนจะเข้าไปเยี่ยมลูกชายในห้องขัง
บิดาผู้ก่อเหตุกล่าวว่า ก็ได้ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยผู้ก่อเหตุบอกว่ากระทำไปโดยไม่รู้สึกตัว เหมือนว่ามีใครมาเข้าสิงและสั่งให้ฆ่า ก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุออกมาสอบสวน โดยเริ่มจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้แล้ว เจ้าหน้าที่จึงจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในเย็นวันนี้
ด้าน พ.ต.อ.วินัย มหาผลศิริกุล ผกก.สภ.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ กล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุก็ไปถึงที่เกิดเหตุภายใน 5 นาที เพราะที่เกิดเหตุห่างจาก สภ.ศรีวิไล ประมาณ 1.5 กิโลเมตรกว่าๆ เมื่อไปถึงก็ร่วมกับทหาร ผู้ใหญ่บ้าน กู้ภัยนทีธรรมเข้าปิดล้อมและพยายามช่วยเหลือแม่ที่อยู่ในห้องกับลูกชาย แต่ติดที่ผู้ต้องหาปิดประตูหน้าบ้าน และเกรงอาจมีอาวุธร้ายแรง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เห็นผู้ก่อเหตุมีเพียงมีดจึงได้พังประตูเข้าไปจับกุมผู้ต้องหา ก่อนพบว่าแม่กลายเป็นศพอยู่อีกห้องหนึ่ง โดยขั้นตอนเข้าปิดล้อมจนจับผู้ต้องหาได้ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ต่างจากโลกโซเชียลที่ว่าเจ้าหน้าที่ทำงานล่าช้าใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ส่วนที่บ้านเกิดเหตุทั้ง 2 หลัง ในวันนี้มีการทำบุญให้ผู้ตายที่ล่วงลับไป ซึ่งมีชาวบ้านและญาติพี่น้องที่รู้จักมักคุ้นมาร่วมในงาน ท่ามกลางความโศกเศร้า ส่วนศพทั้ง 2 คน ชาวบ้านและญาติพี่น้องได้นำไปเผาที่วัดป่าจันทร์วารี ที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อวาน เวลา 18.30 น.
‘>