“พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ” ร่วมกับ ผบช.ภ.4 แถลงจับเครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ภาคอีสานเหนือ รวบหนุ่มอุดรฯ พร้อมยาบ้า 6.3 แสนเม็ด อ้างรับจ้างชาวลาวขนจาก จ.บึงกาฬ ไปส่งลูกค้าที่ จ.อยุธยา ได้ค่าจ้าง 5 แสนบาท ส่วนกำนันตำบลหนองเดิ่น ยังปากแข็งให้การปฏิเสธ ด้าน จนท.มั่นใจหลักฐานมัดตัวเอาผิดได้
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 28 ต.ค. 2559 ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวณิช รอง ผบช.ภ.4 พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี นายสมหวัง พ่วงบางโพ รอง ผวจ.อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายมนัดชัย วงษ์เสียงดัง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 4 ต.นากว้าง อ.เมือง จ.อุดรธานี และนายปัญญา เภ้าสร้อย อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 1 ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ กำนันตำบลหนองเดิ่น พร้อมของกลางยาบ้า 630,000 เม็ด รถยนต์เก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กร 5637 อุดรธานี รถยนต์กระบะนิสสัน นาวาร่า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กก 1600 บึงกาฬ โทรศัพท์ 3 เครื่อง โดยกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 27 ตุลาคม พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.สรพงษ์ งิมสันเทียะ สวป.สภ.เพ็ญ ว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติด ลักลอบขนยาบ้าจาก อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ด้วยรถยนต์เก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กร 5637 อุดรธานี และรถยนต์กระบะนิสสัน นาวาร่า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กก 1600 บึงกาฬ ผ่านพื้นที่รับผิดชอบ จึงสั่งให้ พ.ต.ท.สรพงษ์ งิมสันเทียะ สวป.สภ.เพ็ญ นำกำลังออกไปตั้งด่านตรวจ กระทั่ง 22.00 น. ไม่พบรถเป้าหมาย จึงสั่งเลิกด่านตรวจ และดักซุ่มบริเวณสะพานบ้านถิ่น ถนนมิตรภาพ อุดรธานี-หนองคาย เขตติดต่อกับ อ.สระใคร จ.หนองคาย
กระทั่งเวลา 23.00 น. พบรถยนต์เก๋งและรถยนต์กระบะที่ได้รับรายงานขับผ่านมา มุ่งหน้าไป จ.อุดรธานี โดยรถเก๋งมี นายมนัดชัย เป็นคนขับ ส่วนรถกระบะมี นายปัญญา ขับตามหลัง ตำรวจจึงขับรถติดตามไปแบบประกบหน้าหลัง เพื่อรอจังหวะเข้าจับกุม เพราะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าขบวนการค้ายาเสพติดมีอาวุธปืนหรือไม่ กระทั่งรถขับมาติดสัญญาณไฟแดงบริเวณสี่แยกบายพาสบ้านเก่าน้อย ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอุดรธานี
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยต่อว่า ตำรวจได้ตัดสินใจนำรถปิดหน้าและปิดท้ายรถเก๋งคันดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้ขับหลบหนี ตำรวจส่งสัญญาณให้ออกมาจากรถ นายมนัดชัย และ นายปัญญา ถึงกับหน้าซีด แต่ยอมลงจากรถมาแต่โดยดี จากการตรวจค้นพบถุงปุ๋ยสีดำขนาดใหญ่ 3 ถุง วางอยู่ที่พักเท้าเบาะหลังรถเก๋ง เมื่อแกะถุงออกดูพบยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระดาษไขสีเหลือง 103 ก้อน จำนวน 630,000 เม็ด จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางไป สภ.เพ็ญ ทำการตรวจนับและสอบสวน
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยต่อไปว่า นายมนัดชัย ให้การรับสารภาพว่า เมื่อปี 2547 เคยถูกตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี จับกุมข้อหาจำหน่ายยาบ้า ของกลาง 2 หมื่นเม็ด และติดคุก 12 ปี ตนเพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำกลางอุดรธานี เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2559 หรือ 1 เดือน จากนั้นก็ลักลอบส่งยาบ้าลอตเล็กในเขต จ.อุดรธานี มาตลอด ต่อมาได้มีพ่อค้ายาบ้าชาวลาวติดต่อให้ตนขับรถนำยาบ้าจาก อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ไปส่งลูกค้าที่ อ.วังน้อย จ.อยุธยา เมื่องานสำเร็จจะได้ได้ค่าจ้าง 5 แสนบาท โดยมี นายปัญญา กำนันตำบลหนองเดิ่น เป็นคนขับรถกระบะตามหลังมาด้วย จนถึงสี่แยกบายพาส ตนได้ติดสัญญาณไฟแดง และถูกตำรวจจับกุมดังกล่าว
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยอีกว่า การจับกุมยาบ้าลอตนี้ ถือว่ามีจำนวนมากที่สุดในภาคอีสานเหนือ นายมนัดชัย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วน นายปัญญา กำนันตำบลหนองเดิ่นให้การปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการขนยาบ้าแต่อย่างใด ถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่จากการสืบสวนและการข่าว ทราบว่า นายปัญญา มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาบ้ามานานแล้ว และการจับกุมในครั้งนี้มีหลักฐานเพียงพอในการจับกุม และได้สั่งการให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ควบคุมตัวไปตรวจยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการ และจะสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด หากยาบ้าลอตนี้หลุดเข้าไปถึงจุดหมาย จะมีมูลค่าถึง 100 ล้านบาท.
ที่มาข่าว http://www.thairath.co.th/content/767376
‘>