ทำไมทำกับคนแก่ได้! ตายายอ่านหนังสือไม่ออก ร้องศูนย์ดำรงธรรมบึงกาฬ ถูกหญิงหมู่บ้านใกล้เคียงพร้อมพวก 3 คน หลอกเอาบ้านพร้อมที่ดินและที่นาไปจำนอง แต่สุดท้ายเอาไปขาย จนโดนศาลสั่งไล่-ปิดประกาศไม่ให้เข้าบ้าน
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 60 นายสูง พิมพ์พันธ์ อายุ 72 ปี และนางแพ พิมพ์พันธ์ อายุ 68 ปี สองสามีภรรยา อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 42/1 หมู่ที่ 6 บ้านโคกสะอาด ต.หนองยอง อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ พร้อมด้วยลูกสาวลูกชาย ทำหนังสื่อยื่นร้องทุกข์กับ นายรวมินทร์ ตรีเนตร ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบึงกาฬ ว่า ถูกนายทุนฟ้องศาลบังคับให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้าน เนื่องจากบ้านได้ถูกขายไปตั้งแต่ปี 2555 ทำให้ไร้ที่อยู่ หนำซ้ำที่นาซึ่งปลูกข้าวทำกินอยู่เป็นประจำทุกปีกว่า 31 ไร่ ก็กำลังจะถูกนายทุนเงินกู้ยึด
สองตายายเคราะห์ร้ายที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งต้มตุ๋นเล่าเหตุการณ์ด้วยใบหน้าเศร้าว่า เมื่อเดือน ต.ค. 2555 น.ส.ทิพย์สุดา เทพสุรีย์ หรือ ปู คนหมู่บ้านใกล้กัน พร้อมพวก 3 คน มาติดต่อขอเช่าที่บ้านพร้อมที่ดินที่มีอยู่ 1 ไร่กับ 96 ตารางวา ไปจำนองกับนายทุน ซึ่งพวกตนอาศัยอยู่ โดยมี นางคำแดง แสงสว่าง อายุ 96 ปี ยายทวดอยู่ด้วยกันรวม 3 คน และที่ดินดังกล่าวเป็นที่มรดกของ นางแพ ซึ่งขณะนั้นลูกๆ 7 คน ไปทำงานต่างจังหวัด โดย น.ส.ทิพย์สุดา และพวกตกลงว่าจะจ่ายค่าเช่าให้เดือนละ 20,000 บาท เห็นว่าได้เงินดีจึงตกลง พร้อมกำชับว่าไม่ให้บอกใคร จากนั้นพาพวกตนไป จ.ขอนแก่น เพื่อจำนองที่กับนายทุน ได้เงิน 450,000 บาท และให้เซ็นเอกสารหลายอย่างแต่พวกตนอ่านไม่ออกเพราะไม่ได้เรียนหนังสือทั้งคู่ เขียนชื่อตัวเองเป็นอย่างเดียว ก่อนที่ น.ส.ทิพย์สุดา ให้เงินค่าเช่ามา 60,000 บาท แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้รับเงินอีกเลย พอปี 2556 ก็ถูกนายทุนยื่นฟ้องขับไล่ที่ แต่พวกตนก็ไม่เข้าใจและปิดไม่ให้ลูกทราบมาตลอด พอปี 2558 น.ส.สุดาทิพย์ กลับมาขอเช่าที่นา 31 ไร่ อ้างว่าจะเอาไปจำนองนายทุนนำเงินมาไถ่บ้าน 500,000 บาท ซึ่งนายทุนกำลังจะยึดบ้าน พวกตนกลัวว่าลูกๆ จะรู้เรื่องและกลัวจะไม่มีที่อยู่ ประกอบกับอายเพื่อนบ้านจะรู้เรื่อง จึงยินยอมให้เอาที่นาไปเข้าจำนองกับนายทุนใน จ.บึงกาฬ เป็นเงิน 950,000 บาท และเข้าใจว่าบ้านถูกไถ่ถอนแล้ว เพราะ น.ส.สุดาทิพย์ ไม่ได้ให้เงินอีกเลยและเงียบหายไป กระทั่งธันวาคม 2559 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากคาด ควบคุมตัวไปศาลจังหวัดบึงกาฬ เพื่อฟ้องบังคับให้ออกจากบ้าน และมีประกาศมาติดประตูหน้าบ้านห้ามบุกรุก จึงมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมในครั้งนี้
ถูกไล่ที่แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ด้าน น.ส.รัตน์ดา พิมพ์พันธ์ อายุ 26 ปี ลูกสาวคนเล็ก กล่าวว่า ครั้งแรกทราบเพียงว่าแม่กับพ่อถูกเขาหลอกเอาที่บ้านไปจำนอง ไม่จ่ายดอกเบี้ย จึงถูกยึดบ้านโดยนำป้ายมาปิดประกาศขายบ้านห้ามบุกรุก แต่แม่และพ่อไม่ยอมออกจากบ้านจึงถูกนายทุนฟ้องขับไล่ ภายหลังมาทราบอีกว่าที่นา 31 ไร่ ก็ยังถูกหลอกเอาไปจำนองอีกเป็นเงินถึง 1.35 ล้านบาท โดยไม่ยอมมาไถ่ถอนบ้านให้ แต่เมื่อคณะกรรมการศูนย์ดำรงธรรม เรียกเอกสารจากสารบบในสำนักงานที่ดินจังหวัด จึงได้รู้ว่าบ้านพร้อมที่ดิน 1 ไร่ 96 ตารางวา ถูกขายตั้งแต่ปี 2555 แล้ว พี่น้องทุกคนแทบช็อก
ขณะที่ นายรวมินทร์ กล่าวว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนได้เชิญคณะกรรมการกองทุนยุติธรรม และคณะกรรมการไกล่เกลี่ยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบึงกาฬ เข้าประชุมหารือเป็นการด่วนเพื่อหาทางช่วยเหลือ 2 ตายายผู้เสียหาย ซึ่งมีมติให้ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ปากคาด ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.ทิพย์สุดา ในข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากไปหลอกลวงขอเช่าที่ดินพร้อมบ้านไปจำนอง แต่กลับนำเอาไปขายในวันรุ่งขึ้น ตามเอกสารที่ไปทำไว้กับ สำนักงานที่ดินจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งจะต้องดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่ง.
อ่านข่าวต่อได้ที่ ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/833321‘>