เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ , นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เเละประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์, นายนิพนธ์ คนขยัน นายก อบจ.บึงกาฬ เเละคณะนักธุรกิจจากประเทศจีน อาทิ นายฟ่าน เหริน เต๋อ นายกสมาคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งประเทศจีน, นายจาง เหย็น ประธานบริษัท รับเบอร์วัลเลย์ กรุ๊ป จำกัด, นายหลี่ จื๋อ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลแอลไอที ประเทศไทย จำกัด หรือ “หลิงหลง” เเละนายเฉิน หู้เซิง (โทนี่ เฉิน) ผู้อำนวยการ ฝ่ายประเทศไทย บริษัท รับเบอร์ วัลเล่ย์ กรุ๊ป จำกัด ประเทศจีน เดินทางเยี่ยมชมถนนยางพาราดินซีเมน ต์ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่คิดค้นการผสมน้ำยางพาราลงบนนถนนดินลูกรัง โดยถนนยางพาราจะมีความคงทนเเละมีลักษณะการอุ้มน้ำคล้ายถนนคอนกรีต เเละสามารถใช้เเทนชั้นหินคลุกสำหรับถนนสายหลักได้ โดยถนนสายนี้เป็นสายแรกของจังหวัดบึงกาฬ ที่อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ
จากนั้นนายวิษณุได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดโรงงานผลิตหมอนยางพารา ชุมนุมสหกรณ์ กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเซกา
โดย นายวิษณุ กล่าวว่า ในฐานะตัวเเทนของรัฐบาลต้องขอบคุณชาวบึงกาฬที่ไม่ท้อถอยที่ยืนหยัดต่อสู้เเละอดทนพากเพียรพยายามจนเกิดความสำเร็จ มีชาวต่างประเทศชาวจีนเข้ามา จากนี้ก็อยู่ที่ชาวบึงกาฬเองที่จะต้องรักษาคุณภาพให้ได้ ที่สำคัญเมื่อมีการรวมตัวเป็นกลุ่มสหกรณ์ บริหารจัดการจะต้องทำด้วยความมานะพยายามเเละซื่อสัตย์สุจริตเเละมีจิตสาธารณะในการรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม อย่าให้มีปัญหาเกิดขึ้นเหมือนสหกรณ์บางแห่งที่ตั้งต้นขึ้นก็ดูดี แต่อยู่ไปก็เกิดปัญหาถึงขั้นฟ้องร้องเป็นคดีความกัน
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า รัฐบาลขอเเสดงความยินดีเเละขอเป็นกำลังใจ สิ่งใดที่ท่านต้องการความช่วยเหลือกรุณาบอกกล่าวผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นมา เนื่องจากเวลานี้รัฐได้พยายามจัดเงินลงไปสู่จังหวัดเเละกลุ่มจังหวัดมากขึ้นกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เเละเมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลเพิ่งจะผ่านกฎหมายฉบับหนึ่ง คือกฎหมายที่จะของบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม จากงบประมาณที่ได้ตั้งแล้วทุกวันที่ 1 ตุลาคม เเละเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ผ่านอีกฉบับหนึ่งว่างบที่เคยตั้งไว้ในวันที่ 1 ตุลาคมไม่พอ ต้องมีการตั้งงบเพิ่ม โดยงบที่เพิ่มจะนำมาลงให้กับจังหวัดปละกลุ่มจังหวัด ภายใต้ข้อเเม้อย่างเดียวคือจังหวัดจะต้องไปทำแผนพัฒนาจังหวัด โดยเเผนพัฒนาจังหวัดจะเกิดได้จากการถามว่าจังหวัดนั้นต้องการอะไร ขณะเดียวกันก็ต้องมีเเผนกลุ่มจังหวัด ที่จะต้องดูกัน ซึ่งบึงกาฬก็อยู่ในกลุ่มจังหวัดที่ มีจังหวัดอุดรธานี เป็นหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งจะต้องมีการประชุมกันเพื่อที่จะนำประโยชน์และโครงการเข้ามาในกลุ่มจังหวัดให้มาก
“ยังมีเรื่องของระดับภาค ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่าเเบ่งประเทศไทยออกเป็น 6 ภาค คือภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก เเละชายเเดนภาคใต้ ก็จะมีผู้มาดูเเลเป็นระดับรองปลัดกระทรวงมหาดไทย จะทำให้มีงบประมาณไหลเข้ามามากกว่างบปกติที่เคยจัด เพื่อใช้ปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ เช่น จะทำอย่างไรให้น้ำยางพาราที่เคยทำเป็นยางแผ่น เป็นยางก้อนธรรมดาเปลี่ยนให้เป็นหมอนยางพารา หรือยาราดถนน เเละกรวยยาง รวมถึงจะไปทำอะไรก็ตามที่มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งงบประมาณที่จัดลงมาต้องการเอามาใช้ในสิ่งเหล่านี้ เเละอีกไม่กี่วันจะมีประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้วประเทศ อธิบบดีทุกคน ตลอดจนปลัดกระทรวงทุกกระทรวงโดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เเละหัวหน้า คสช. เป็นประธาน ผมจะมาบรรยาย เเละดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาให้นโยบายเพื่อบอกให้รู้ว่างบนี้จะให้เอาไปทำอะไร เเล้วท่านจะต้องไปทำแผนอย่างไร ตลอดจนจะดูเเลอย่างไรไม่ให้ตกหล่นกลางทาง ไม่ให้มีการทุจริตคอรัปชั่น เเละต้องตอบสนองความต้องการของประชาชนให้ได้” นายวิษณุ กล่าว
นายนิพนธ์ คนขยัน นายก อบจ.บึงกาฬ ในฐานะที่ปรึกษาชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนช่วยผลักดันให้โรงงานเเห่งนี้เกิดขึ้น ทั้งนายพินิจ จารุสมบัติ, นายจางเหยิน ตลอดจนรัฐบาลที่ให้งบประมาณสนับสนุน เเละธนาคารออมสินที่ให้เงินกู้กับชุมนุมสหกรณ์ กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ วันนี้ท่านรองนายกเดินทางมาเยี่ยมชม ผมก็ได้ฝากไปว่าหัวใจหลักของพี่น้องเกษตรกรทุกอาชีพ รวมถึงยางพารา คือจะทำอย่างไรให้ยั่งยืน อย่างเมื่อก่อนชาวบึงกาฬทำนาอย่างเดียว ครอบครัวผม 8 ชีวิตทำนามีรายได้ปีละ 20,000 บาท เเต่พอเปลี่ยนมาปลูกยาพาราก็มีรายได้เพิ่มขึ้น เเต่เวลายางราคาตกชาวบ้านก็เดือดร้อน ตรงนี้จะต้องมีการสร้างความยั่งยืน อย่างที่นายจาง เหยิน บอกว่าจะต้องเพิ่มมูลค่า เช่น ทำเป็นหมอนยางพารา ถนนยางพารา หากรัฐบาลเอาเรื่องนี้ไปทำได้โดยให้ท้องถิ่นเป็นผู้นำ ผมเชื่อว่า อบต.ทุกแห่งต้องการช่วยเหลือเกษตรกรอยู่เเล้ว
“สำหรับวันนี้เราทำหมอนยางพาราเบื้องต้นราคาประมาณ 500 บาท เเต่ต้องมีการประชุมเพื่อตกลงเรื่องต้นทุนอีกครั้งเนื่องจากวันนี้เพิ่งเปิดโรงงาน สาเหตุที่เราขายไม่เเพงเพราะวันนี้เรามองเกษตรกรเขาไม่มีรายได้มากจะมาซื้อหมอนเเละที่นอนราคาเเพง เราต้องการขายเเค่ไม่ให้ขาดทุนเเละพอมีกำไรบางเป็นการคืนความสุขให้พี่น้องเกษตรกร เราต้องการให้ที่นอนเเละหมอนของบึงกาฬเป็นสิ่งที่พี่น้องชาวเกษตรกรซื้อใช้ได้ เช่น เกษตรกรชาวสวนยางบางคนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าที่นอนเลย อาจจะมารับที่นอนไปเเล้วเอาน้ำยางพารามาผ่อนที่นอนหรือหมอนไปใช้ก่อนได้เลย โดยไม่มีดอกเบี๊ย ไม่มีเงินดาวน์” นายนิพนธ์ กล่าว
นายสมนึก เศษสมบูรณ์ ประธานชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า โรงงานหมอนเเละที่นอนยางพารา เป็นการรวมตัวของเกษตรกรชาวสวนยางพาราในจังหวัร่วมกันจดทะเบียน เพื่อแก้ปัญาราคายางพาราด้วยกลไกที่มีอยู่ของเกษตรกรเอง โดยเริ่มต้นจากการลดต้นทุนการผลิต การปฏิบัติดูเเลเเละเก็บเกี่ยวผลผลิตตามหลักวิชาการ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจำหน่าย ด้วยการเเปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามความต้องการของตลาด ซึ่งขณะนี้เริ่มต้นด้วยการผลิตหมอนยางพารา เเละภายในปีนี้จะมีการเริ่มผลิตที่นอนจากยางเเผ่นรมควันด้วย
“ต้องขอบคุณทางรัฐบาล ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณให้เกษตรกรเพื่อต่อยอดดำเนินโครงการต่างๆ โดยตอนนี้มีงบประมาณจำนวน 193 ล้านบาทเพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงงานเเละขยายกำลังการผลิตต่อไป” นายสมนึกกล่าว
ขณะที่ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ จัดงานงานวันยางพาราและกาชาดบึงกาฬ 2560 เป็นวันที่ 2 โดยมีประชาชน เกษตรกรชาวสวนยาง นักเรียนนักศึกษาเข้าร่วมงานจำนวนมาก ทั้งนี้เวลา 13.00 น. ที่เวทีเสวนาปราชญ์ชาวบ้าน มีการจัดเสวนา Special Talk 30 ปี เทคโนโลยีชาวบ้าน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ในหัวข้อ”เกษตรกรจะปรับตัวเข้าสู่สวนยาง 4.0 ได้อย่างไร”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในงานยังมีการจัดอบรมอาหาร งานฝีมือ และการตลาด เพื่อส่งเสริมวิชาชีพและการตลาดออนไลน์ที่สอดรับกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ยังมีกิจกรรมมหัศจรรย์บึงกาฬ ให้ร่วมระบายสีสถานที่ท่องเที่ยวบนเฟรมขนาดใหญ่ เพื่อลุ้นรับโทรศัพท์สมาร์ตโฟนไอโฟน เเละกิจกรรมเชียร์การแข่งขันกรีดยางพารา การแข่งขันลับมีดกรีดยางระดับประเทศ รางวัลสูงสุด 100,000 บาท และลุ้นสลากกาชาดประจำปี รางวัลมูลค่ากว่าล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการประกวด ” บึงกาฬคอนเทสต์ 2017″ ระหว่างอำเภอโซ่พิสัย และอำเภอบึงโขลงหลง และคอนเสิร์ต “จินตหรา พูนลาภ”
ข่าวที่มา http://www.matichon.co.th/news/467152
‘>