LINE : ติดต่อผู้ดูแล

ยินต้อนรับเว็บไซต์ข่าวสารเพจข่าวท้องถิ่นบึงกาฬ

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2024
ข่าวเด่นบึงกาฬ

บึงกาฬแล้ง! นาปรัง3,000ไร่ขาดน้ำ ทหารนำเครื่องสูบน้ำ’พลังงานแสงอาทิตย์’ช่วยเหลือ

วันที่ 14 มีนาคม เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.บึงกาฬ สถานการณ์ภัยแล้งที่ส่อวิกฤตรุนแรง หลังฝนทิ้งช่วงมานาน ทำให้ปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ แห้งขอด บวกกับสภาพอากาศร้อนจัดได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่บ้านโพนแก้ว หมู่ 10 และบ้านโนนสวรรค์ หมู่ 4 ต.หนองหัวช้าง อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ กว่า 3,000 ไร่กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก ข้าวที่กำลังจะโต บางพื้นที่กำลังตั้งท้องออกรวงได้รับความเสียหาย ต้นข้าวเริ่มยืนต้นแห้งตาย ชาวนาหลายรายเริ่มถอดใจปล่อยทิ้งข้าวในนาบางส่วนให้แห้งตาย เนื่องจากไม่สามารถหาน้ำมาหล่อเลี้ยงต้นข้าวได้
พล.ต.สมชาติ แน่นอุดร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 หลังได้รับรายงานว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจึงสั่งการให้กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13 นำรถสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แบบเคลื่อนที่ ขนาด 1,200 วัตต์ พร้อมกำลังพลเข้าช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง ด้วยการสูบน้ำจากลำน้ำสงครามขึ้นมาแล้วส่งไปตามคลองส่งน้ำต่างๆ ในพื้นที่การเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้หล่อเลี้ยงต้นข้าวไปตลอดหน้าแล้ง และการใช้พลังงานแสงอาทิตย์กับเครื่องสูบน้ำเป็นนโยบายของรัฐบาล ต้องการให้พื้นที่ต่างๆ ในประเทศใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อประหยัดใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน ลดค่าใช้จ่ายค่าการสิ้นเปลืองให้แก่ประชาชน
ด้านนายวรพันธ์ ชำนิยันต์ นอภ.พรเจริญกล่าวว่า ได้ลงพื้นที่พร้อมหน่วยทหารรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดบึงกาฬ เกษตรอำเภอพรเจริญ เจ้าหน้าที่ อบต.หนองหัวช้างเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในการบริหารจัดการน้ำให้เป็นระบบ เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างทั่วถึง ไม่ให้มีการแย่งน้ำกันเกิดขึ้น พื้นที่บ้านโพนแก้วแห่งนี้เมื่อถึงฤดูฝนไม่สามารถทำนาปีได้เนื่องจากน้ำได้ท่วมพื้นที่นาทั้งหมด จึงต้องอาศัยทำนาในช่วงหน้าแล้ง แต่มีเกษตรกรทำนาปรังกันเป็นจำนวนมาก ปริมาณน้ำจึงมีไม่เพียงพอ เกษตรกรจึงได้แจ้งไปยัง อ.พรเจริญและทหารรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งในเบื้องต้นทหารได้นำรถสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาดึงน้ำจากลำห้วยสาขาของแม่น้ำสงครามมาช่วยเหลือเกษตรกร ล่าสุด ผวจ.บึงกาฬได้สั่งการให้โครงการชลประทานบึงกาฬนำเครื่องสูบน้ำเข้ามาช่วยเหลือ คาดว่าจะบรรเทาความเดือดร้อนได้อีกในระดับหนึ่ง
ขณะที่ภาพรวมปัญหาภัยแล้งทั้งจังหวัดปัจจุบันยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรับมือได้ โดยมีจุดเสี่ยงที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง คือ บริเวณซึ่งต้องใช้น้ำจากแม่น้ำสงคราม ใน 3 อำเภอ ประกอบด้วย 1.โซ่พิสัย 2.พรเจริญ และ 3.เซกา เพราะในแม่น้ำดังกล่าวยังไม่มีโครงการชลประทานสำหรับเก็บกักน้ำ หากมีการเพาะปลูกในปริมาณที่มากก็เสี่ยงที่จะทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้ง

201703141001183-20130906165707

Logo‘>

ข่าวเด่นบึงกาฬ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด