ย่ามใจมาเยี่ยมน้องเมีย
รวบ เสธ.น้อย พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ พิเศษกองทัพบก คากองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด เหตุเอี่ยวคดีค้ากัญชาข้ามประเทศ 3.1 ตัน ที่ตำรวจยึดได้จากโกดังเมืองชลฯปี 59 ขณะเข้าเยี่ยมน้องเมียที่ถูกจับกุมในคดีเดียวกันก่อนหน้า โดยไม่รู้ถูกออกหมายจับไว้ตั้งแต่ปี 59 เจ้าตัวปฏิเสธ ก่อนถูกฝากขังศาล พร้อมค้านประกันตัว และถูกนำเข้าเรือนจำทันที
จับอดีตทหารยศ พล.ท.เอี่ยวค้ากัญชาข้ามประเทศ หลังเดินเข้าถ้ำเสือ บช.ปส. เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 เม.ย. มีรายงานจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส.นำกำลังจับกุมนายจีระยุทธ วาณิชย์ และ พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร หรือเสธ.น้อย นายทหารนอกราชการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 25 พ.ย.2559 ข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 4 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จับกุมได้ขณะมาปรากฏตัวและเยี่ยมพวกผู้ต้องหา ที่ บก.ปส.3 บช.ปส. ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กทม.
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจ ตชด.ที่ 244 (บึงกาฬ) และพนักงาน ป.ป.ส.กับพวกได้วางแผนจับกุมขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติ โดยนำกัญชาเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางแม่น้ำโขงพื้นที่ จ.บึงกาฬ แล้วลำเลียงไปเก็บยังโกดังเก็บสินค้าของบริษัท ฟอร์โมซา หมู่ 1 ต.บ่อกวางทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี จับกุมผู้ต้องหาคือนายสี เจ ซัน อายุ 64 ปี ชาวไต้หวัน เจ้าของโกดัง และนายสุพรชัย ชูแก้ว อายุ 45 ปี คนดูแลโกดัง ยึดกัญชาแห้งอัดแท่งน้ำหนัก 3,155 กิโลกรัม และของกลางอื่นๆ 17 รายการ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.59 นำตัวดำเนินคดี จากนั้น ได้สืบสวนสอบสวนขยายผล พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับนายจีระยุทธ และ พล.ท.เกรียงไกร กับพวกที่เกี่ยวข้องทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยทยอยจับกุมได้เป็นลำดับ พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด ยกเว้นนายจีระยุทธ และ พล.ท.เกรียงไกร ที่ยังจับกุมตัวไม่ได้
กระทั่งเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจ บช.ปส.จับกุมนายจีระยุทธ ได้ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี เบื้องต้นให้การปฏิเสธ ให้การซัดทอดว่า พล.ท.กรียงไกร จ้าง 10,000 บาทให้ช่วยขับรถบรรทุกมาที่โกดังใน จ.ชลบุรี โดยไม่รู้ว่ามีกัญชา แต่ขณะที่นายจีระยุทธถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องควบคุม บช.ปส. พล.ท.เกรียงไกร ติดต่อขอเข้าเยี่ยม จึงถูกจับกุมตามหมายจับ จากการสอบสวน พล.ท.เกรียงไกร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอให้การในชั้นศาล สำหรับ พล.ท.เกรียงไกรเป็นอดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จบโรงเรียนนายร้อย จปร.รุ่นที่ 26 ส่วนนายจีระยุทธมีศักดิ์เป็นน้องชายภรรยา พล.ท.เกรียงไกร ขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า เครือข่ายยาเสพติดที่ พล.ท.เกรียงไกรเกี่ยวพันเป็นเครือข่ายไซซะนะ และพบมีการเดินทางเข้าออกประเทศ ลาวหลายครั้ง
ต่อมาเวลา 15.30 น.วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ร.ต.อ.ประเสริฐ แตงอ่อน พนักงานสอบสวน บก.ป.3 บช.ปส. ควบคุมตัว พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร นายทหารนอกราชการ อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มาฝากขังต่อศาลอาญาครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-13 เม.ย.2560 ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
โดยคำร้องขอฝากขังบรรยายสรุปว่า จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ในช่วงวันเวลาระหว่างเกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ซึ่งซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณโกดังที่ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี พบว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2559 เวลา 17.15 น. พล.ท. เกรียงไกร ได้ขับรถยนต์เบนซ์ สีดำ ทะเบียน ฐง 8789 กรุงเทพมหานคร เข้ามาตรวจดูกัญชาในโกดังร่วมกับนายสี เจ ซัน ก่อนโทรศัพท์เรียกชายอีก 2 คน ขับรถเก๋งเข้ามาตรวจดูกัญชาในโกดังร่วมกัน
ก่อนจะกลับออกไป พบว่ามีบุคคลซึ่งน่าเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในคดีนี้หลายรายร่วมกันกระทำความผิดลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ รวมทั้งนายเกรียงไกร ชัยชุมพร ผู้ต้องหา จึงขอออกหมายจับนายเกรียงไกรกับพวกรวม 7 คน ตามหมายจับลงวันที่ 25 พ.ย.59 กระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ได้จับกุม พล.ท.เกรียงไกรได้ ขณะมาปรากฏตัวและเยี่ยมพวกผู้ต้องหา ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จึงจับกุมและแจ้งข้อหาดังกล่าว
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่า เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จ, รอสอบปากคำพยานอีก 4 ปาก และตรวจสอบประวัติลายพิมพ์นิ้วมือ ขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง การกระทำของผู้ต้องหามีลักษณะเป็นเครือข่ายและเป็นภัยต่อสังคม หากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงจะหลบหนี และกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก ทั้งนี้ ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ โดยวันนี้ไม่ปรากฏว่ามีญาติมายื่นประกันตัวแต่อย่างใด ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงคุมตัวผู้ต้องหาไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที
ข่าว ; http://www.thairath.co.th/content/906341
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 กันยายน ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน(บช.ตชด.)พล.ต.ต.ประพันธ์ จันทร์เอม รอง ผบช.ตชด. พ.อ.ประดิยุทธ กลิ่นศรีสุก ผอ.กอง12 ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองทัพไทย (ศรภ.) และพ.ต.ท.อนุรักษ์ เสนามาตย์ ผบ.ร้อย ตชด.244 (บึงกาฬ) พร้อมเจ้าหน้าที่กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีและเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงจับกุมนายฉี เจ ซัน อายุ 64 ปี สัญชาติจีนไต้หวัน และนายสุพรชัย ชูแก้ว อายุ 44 ปี พร้อมกัญชาอัดแท่ง 3,155 กิโลกรัม เครื่องบรรจุภัณฑ์สุญญากาศ 1เครื่อง เครื่องชั่งน้ำหนัก1เครื่อง อุปกรณ์ซีลกล่อง เช่น เทปใส สายรัดพลาสติก รวมมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่โกดังเก็บสินค้าแห่งหนึ่ง ต.บ่อกวางทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี
พล.ต.ต.ประพันธ์ เปิดเผยว่า การจับกุมเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.244(บึงกาฬ) กองร้อย ตชด.227(เขมราฐ) และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. สืบทราบจากสายลับว่าจะมีเครือข่ายค้ายาเสพติดลักลอบนำเข้ากัญชาจำนวนมาก จาก ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จึงติดตามรถที่ใช้ลำเลียงจนทราบว่ามีการนำยาเสพติดมาเก็บไว้ในโกดังเก็บสินค้าแห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี ต่อมาวันที่ 4 กันยายน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเข้าตรวจค้นโกดังพบผู้ต้องหาทั้ง2คน พร้อมของกลางดังกล่าว
สอบสวนนายฉี ให้การว่า ทำอาชีพขายถุงมือยางพาราตั้งแต่ปี2550 ต่อมากิจการไม่ค่อยดีจึงหันมาขายกัญชาส่งออกประเทศที่สาม กัญชาทั้งหมดรับมาจากแขวงบอลิคำไซ ประเทศลาว ผ่านจ.บึงกาฬและนำมาซีลพลาสติกสุญญากาศเพื่อนำไปขายกับผู้ซื้อต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา มียาเสพติดประเภท5(กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
‘>