สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ

วันนี้ (23 พ.ค.2560) เวลา 10.01 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงเรียนชุมชนบ้านซาง ตำบลซาง อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งโรงเรียนจัดการเรียนการสอนระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปัจจุบันมีนักเรียน 403 คน ครูและบุคลากร 26 คน

ในการนี้ ทรงติดตามการดำเนินงานโครงการด้วยรักและห่วงใยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยโรงเรียนนี้เป็น 1 ใน 14 โรงเรียนแรก ที่อาสาเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่ปี 2530 ด้วยการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และนำผลผลิตมาประกอบอาหารกลางวัน ปัจจุบันโรงเรียนได้ดำเนินโครงการด้วยรักและห่วงใยฯ 4 กิจกรรม อาทิ โครงการฝึกอาชีพ สอนการทำอาหารคาว-หวาน ,งานผลิตภัณฑ์จากสิรินธรวัลลี ต้นไม้ประจำจังหวัดบึงกาฬ ,งานถักทอ ,งานเป่าแก้ว /โครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา เน้นส่งเสริมการเรียนรู้ในระบบอินทราเน็ต และยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ทำให้นักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้น ได้รับรางวัลจากการแข่งขันในระดับชาติหลายรางวัล อาทิ รางวัลเหรียญเงินจากการแข่งขันอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ ,รางวัลเหรียญทองการแข่งขันเล่านิทาน ระดับสำนักงานการศึกษาธิการ ภาค 10 /โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ปลูกพืชผักตามฤดูกาล ,เลี้ยงไก่ ปลา สุกร และกบ สามารถนำมาประกอบอาหารกลางวันให้นักเรียนได้รับประทานอย่างเพียงพอ และเหลือจำหน่ายให้กับชุมชน เพื่อนำรายได้เข้าสหกรณ์โรงเรียน

การนี้ กรมชลประทาน ได้กราบบังคมทูลรายงานแนวทางการให้ความช่วยเหลือจัดหาน้ำให้แก่โรงเรียนชุมชนบ้านซาง โดยดำเนินการขุดลอกร่องชักน้ำจากหนองน้ำกุดซาง เพื่อนำน้ำไปเติมยังสระเก็บน้ำภายในบริเวณโรงเรียน พร้อมทั้งขุดลอกสระเก็บน้ำดังกล่าวให้มีสภาพพร้อมใช้งาน สำหรับเป็นแหล่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรภายในบริเวณโรงเรียน

จากนั้น มีพระราชดำรัสในโอกาสครบ 30 ปีของการดำเนินงานโครงการด้วยรักและห่วงใยในพระราชูปถัมภ์ฯ

โอกาสนี้ ทอดพระเนตรการแสดงนิทรรศการของโรงเรียนจาก 10 เขตพื้นที่การศึกษาที่ดำเนินโครงการด้วยรักและห่วงใยในพระราชูปถัมภ์ฯ ซึ่งเริ่มดำเนินการเมื่อปี 2530 โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อช่วยเหลือนักเรียนยากจน ขาดแคลนอาหารกลางวันและขาดสารอาหาร จนเกิดเป็นโครงการฯ ดังกล่าวถึงปัจจุบันครบ 30 ปี ได้ดำเนินงานตามวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขภาวะทุพโภชนาการ ให้นักเรียนมีสุขภาพอนามัยที่ดี ส่งเสริมความสามารถในการประกอบอาชีพของนักเรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีคุณภาพ ให้สามารถดำรงชีวิตในชุมชนและสังคมได้อย่างมีความสุข ส่งเสริมให้นักเรียนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ประเพณี วัฒนธรรม และเพื่อเรียนรู้ แบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันในกลุ่มโรงเรียนในโครงการด้วยรักและห่วงใยในพระราชูปถัมภ์ฯ

ปัจจุบันมีโรงเรียนในโครงการฯ 82 โรง ใน 5 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ ,หนองคาย ,อุดรธานี ,หนองบัวลำภู และปทุมธานี โดยได้ดำเนินโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ,โครงการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน ,โครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา ,โครงการส่งเสริมกิจกรรมสหกรณ์ในโรงเรียน และโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น ส่งผลให้นักเรียนที่ด้อยโอกาสมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังคำขวัญว่า “ประหยัด อัธยาศัยดี มีความอ่อนน้อม และพร้อมที่จะทำงาน” นักเรียนและผู้ร่วมโครงการฯ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเป็นหลักชัยและเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถดำเนินโครงการฯ จนประสบความสำเร็จ

เวลา 14.37 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงเรียนบ้านโสกก่ามนาตาไก้ (โสก-ก่าม-นา-ตา-ไก้) หมู่ 8 ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ โรงเรียนนี้เป็นการรวม 2 โรงเรียนเข้าด้วยกัน คือ โรงเรียนบ้านโสกก่ามและโรงเรียนบ้านนาตาไก้ โดยเปิดการเรียนการสอนเมื่อปี 2526 ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันมีนักเรียน 279 คน ,ครูและบุคลากร รวม 18 คน

ในการนี้ ทรงเปิดห้องสมุด “พระใส” ซึ่งนายสมคิด เรือนวงษ์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโสกก่ามนาตาไก้ จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเนื่องในโอกาสครบ 30 ปีโครงการด้วยรักและห่วงใยในพระราชูปถัมภ์ฯ และเพื่อเป็นห้องสมุดโรงเรียน สำหรับนักเรียนและชาวบ้านได้สืบค้นข้อมูลในการเรียนรู้ต่อไป

โรงเรียนนี้ดำเนินโครงการด้วยรักและห่วงใยในพระราชูปถัมภ์ฯ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ด้านการเรียนการสอน มีการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ คือ แท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์ เพื่อให้นักเรียนได้สืบค้นข้อมูลที่ตัวเองสนใจ ซึ่งนักเรียนมีความกระตือรือร้นและให้ความสนใจในการเรียนมากขึ้น

ด้านการส่งเสริมอาชีพ ได้เปิดเป็นชมรมต่างๆ ให้นักเรียนได้ฝึกอาชีพ ในกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ อาทิ ชมรมขนมไทย ,ชมรมผลิตดอกไม้จากยางพารา ,ชมรมการทอเสื่อกกลายขิด และชมรมโครงงานวิทยาศาสตร์ ทำแชมพูกำจัดเหา ,น้ำยาล้างจานสูตรมะนาว และเจลล้างมือ นอกจากนี้ มีปราชญ์ชาวบ้าน เข้าไปช่วยสอนนักเรียนในเรื่องการกรีดยางพารา และให้ความรู้เรื่องปาล์มน้ำมัน

และด้านโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มีการปลูกผักสวนครัวและเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ไข่ หมู กบ และปลาดุก นำมาประกอบเป็นอาหารกลางวันเลี้ยงนักเรียน ทั้งยังเป็นการส่งเสริมความสามารถในการประกอบอาชีพของนักเรียนต่อไปด้วย

โอกาสนี้ ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทาน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ไปตรวจรักษาโรคแก่ราษฎรในพื้นที่ โดยมีผู้ไปรับบริการ 304 คน ส่วนใหญ่เป็นโรคกล้ามเนื้อและกระดูก

จากนั้น ทรงเยี่ยมราษฎร ที่ไปเฝ้าทูลละอองพระบาท

เวลา 15.38 น. เสด็จพระราชดำเนินไปโรงเรียนบ้านโนนสำราญ-ยางเรียน ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา ทรงติดตามการดำเนินงานโครงการด้วยรักและห่วงใยในพระราชูปถัมภ์ฯ ซึ่งโรงเรียนนี้เข้าร่วมโครงการฯ เป็นลำดับที่ 82 ในปี 2552 โดยดำเนินงานครบทั้ง 6 โครงการ อาทิ โครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดี เมื่อช่วงใกล้สอบโอเน็ต โรงเรียน 8 แห่งในกลุ่มโรงเรียนบ้านต้องโสกก่าม จะนำนักเรียนมาเข้าค่ายติววิชาต่างๆ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ทำให้ได้คะแนนสอบสูงขึ้น /โครงการฝึกอาชีพ สอนให้นักเรียนนำวัสดุที่มีในท้องถิ่น เช่น ต้นกกนำมาทอเสื่อ ,ดอกหญ้านำมาทำไม้กวาด และทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรต่างๆ เช่น สบู่ขมิ้นชัน น้ำยาล้างจานมะเฟือง /โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น ได้จัดกิจกรรมตามรอยพ่อสานต่อพระราชปณิธาน สำนึกรักบ้านเกิด รักสิ่งแวดล้อม ด้วยกระบวนการ 7 ขั้นตอนกับสายน้ำแห่งชีวิตสู่การอนุรักษ์ของชุมชน กรณีศึกษาห้วยบังบาตรภูวัว เริ่มด้วยการสำรวจข้อมูล วิเคราะห์ วางแผน ลงมือปฏิบัติ และขยายผลไปสู่ชุมชน ให้ช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนและมีสำนึกรักบ้านเกิด ส่วนโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ปลูกพืชผักสวนครัวตามฤดูกาล และอยู่ระหว่างทดลองเพาะเห็ดนางฟ้าและเมล่อน ผลผลิตบางฤดูกาลมีไม่เพียงพอต่อการประกอบเลี้ยงอาหารกลางวัน ต้องไปหาซื้อวัตถุดิบจากตลาด เพื่อให้นักเรียนได้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอต่อการเจริญเติบโต

โดยโรงเรียนบ้านโนนสำราญ-ยางเรียนนี้ เปิดสอนระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันมีนักเรียน 188 คน ครูและบุคลากร 13 คน