ผู้ว่าฯบึงกาฬ เผยตั้งกรรมการสอบปลัดเรียกรับสินบน 1.9 หมื่นบาท
เมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 29 พ.ค.ที่ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ นายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงษ์ ผวจ.บึงกาฬ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ได้สั่งการให้ป้องกันจังหวัดบึงกาฬตั้งคณะกรรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางด้านวินัย กรณีฝ่ายทหารเข้าจับกุมนายทวิช กงเพชร อายุ 43 ปีชาวหมู่ที่ 10 ต.ค่ายบกหวาน อ.เมือง จ.หนองคาย ตำแหน่งปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองปฏิบัติการ) อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น (ม.148 ) เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต (ม.157) ซึ่งมีของกลางเป็นธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 19 ใบจำนวนเงิน 19,000 บาท แผ่นบันทึกเสียงและภาพ 3แผ่น อาวุธปืนสั้นแบบออโตเมติกขนาด .45 มม.พร้อมแม๊กกาซีน ซองกระสุนปืนขนาด 5.56 มม.พร้อมกระสุน 1 นัด ซึ่งผลการสอบสวนของคณะกรรมการน่าจะสรูปแล้วเสร็จได้ภายในอาทิตย์หน้านี้ เนื่องจากเป็นความผิดเกี่ยวกับการทุจริตเรียบรับสินบนคงต้องให้พักราชการไว้ก่อน ส่วนคดีอาญาทางตำรวจก็ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่มี
นายพิสุทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานได้บูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงเรื่องยาเสพติด หากไปทำหน่วยเดียวหรือคนเดียวอาจมีผลประโยชน์หรือเป็นผู้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเสียเอง ต้องมีการรายงานให้ตนได้ทราบทุกเดือน แต่มีบางแห่งยังไม่ทำ ส่วนปลัดที่ตกเป็นผู้ต้องหาได้ออกคำสั่งให้มาช่วยราชการในจังหวัดบึงกาฬแล้ว ห้ามเข้าไปในพื้นที่ยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ซึ่งฝ่ายทหารได้รายงานพฤติการณ์ของปลัดนายนี้ให้ทราบก่อนจะเกิดเรื่องแล้ว จึงได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดตามอำนาจหน้าที่
เมื่อเวลา 15.00 น. นายทวิช กงเพชร อายุ 43 ปี ปลัดอำเภอบึงโขงหลงฝ่ายป้องกันประจำ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานเรียบรับสินบนหรือเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนว่า ตามที่ตนได้ตกเป็นผู้ต้องหาตามข่าวที่มีการเสนอผ่านสื่อต่างๆ ไปแล้วนั้น ทำให้ตนเสียหายและตนไม่มีโอกาสได้ชี้แจง จึงขอโอกาสขอพื้นที่ให้ได้ชี้แจงบ้าง เนื่องจากข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นไปตามข่าวที่นำเสนอ และตำหนิสื่อว่าเสนอข่าวด้านเดียวโดยไม่ให้ตนได้ชี้แจง ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ได้อธิบายว่าพยายามตามหาตัวนายทวิชมาสัมภาษณ์เรื่องราวความเป็นมาของคดีอยู่เหมือนกัน แต่นายทวิชถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง 3 วันจึงไม่สามารถติดต่อได้ จนมีการได้ประกันตัวออกมาแล้วจึงสามารถติดต่อกันได้นั่นเอง
นายทวิช เล่าว่าในช่วงหัวค่ำวันที่ 24 พ.ค.ที่ฝ่ายทหารเข้าจับกุมตนเองข้อหาเรียกรับสินบนจากนายวันเฉลิม วงชา อายุ 27 ปีนั้น ซึ่งข้อเท็จจริงวันนั้นพวกตนกำลังจะจับกุมนายวันเฉลิม ในข้อหาให้สินบนกับเจ้าพนักงาน โดยมีการวางกำลังอาสาไว้ตามจุดต่างๆ 4-5 จุด บริเวณรอบๆ ที่ว่าการอำเภอ ซึ่งหลังจากที่ตนรับเงินจากนายวันเฉลิมอยู่บนห้องทำงานชั้น 2 เป็นจำนวน 20,000 บาทแล้วเดินลงมาส่งนายวันเฉลิมข้างล่าง จึงจะส่งซิกให้ลูกน้องเข้าจับกุมตัวนายวันเฉลิมโดยมีการวางแผนและซักซ้อมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่มีทหารเข้ามาควบคุมตนเองก่อนแผนการที่วางไว้จึงต้องล้มเลิก
นายทวิช เล่าเหตุการณ์ก่อนที่จะตกเป็นผู้ต้องหาว่า ในค่ำวันที่ 7 พ.ค.ได้ควบคุมตัวนายวันเฉลิม วงชา ขณะขับรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้สีขาว ทะเบียน บม.4105 สกลนคร ผ่านหน้า ร.ร.หนองฮูฟอยลม ต.ท่าดอกคำ อ.บึงโขงหลง แต่ตรวจค้นรถยนต์ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ตรวจปัสสาวะมีสีม่วง และรับว่ากำลังจะมารับเอายาบ้า 2,000 เม็ดจาก สปป.ลาวไปส่งให้เอเยนต์รายใหญ่ และนายวันเฉลิมขอต่อรองเป็นสายให้ เพื่อจะจับกุมเอเยนต์รายใหญ่ ซึ่งการทำงานครั้งนี้ก็ได้มีการบูรณาการหลายฝ่ายรวมทั้งทหารด้วย แต่เอกสารคู่มือรถที่นายวันเฉลิมขับมาไม่มี จึงขอยึดรถไว้ตรวจสอบและบอกให้นำเอกสารมาแสดงรับรถคืนไปในภายหลัง และในวันที่ 14 พ.ค.นายวันเฉลิมได้นำเอกสารคู่มือครอบครองรถมาแสดง ตนจึงได้คืนรถให้ไปพร้อมกับมีการบันทึกประจำวันไว้ด้วย และไม่มีการเรียบรับเงินใดๆ แม้แต่บาทเดียว โดยนายวันเฉลิมก็ไม่ได้บอกว่ามีอะไรหายไปบ้างตามที่เป็นข่าวเช่นกล้องติดหน้ารถ
ต่อมานายวันเฉลิมได้ติดต่อทางโทรศัพท์มาว่าจะขอนำยาบ้าผ่านเส้นทางขอให้อำนวยความสะดวกให้จะมีเงินมอบตอบแทน ตนจึงเออออไปด้วยเพราะได้วางแผนจะจับกุมนายวันเฉลิมอยู่แล้วเนื่องจากเป็นแก๊งค้ายาเสพติดรายสำคัญ แต่การจะจับตรงๆ คงยากเพราะนายวันเฉลิมเหลี่ยมเยอะ จะต้องจับในข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงานเท่านั้น แผนการจึงดำเนินมาด้วยดีตลอดจวนจะสำเร็จอยู่แล้ว แต่ถูกกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์แจ้งฝ่ายทหารเข้าจับกุมตนก่อน ยอมรับว่าพลาดในเรื่องนี้ แต่ตนไม่ได้มีเจตนาทุจริตต่อหน้าที่หรือเรียกรับสินบนแต่อย่างใด ซึ่งจะขอต่อสู้เพื่อเรียกความเป็นธรรมให้กับตนเองให้ได้ จึงขอยืนยันว่าเงินที่นายวันเฉลิมอ้างว่าตนเรียกค่าไถ่รถ 100,000 บาทต่อรองเหลือ 60,000 บาทจ่ายไปแล้ว 35,000 บาทและมาจ่ายให้อีกวันที่ 24 พ.ค.20,000 บาท เพราะรถนายวันเฉลิมก็รับไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.มีบันทึกส่งมอบด้วยจะมาจ่ายอีกทำไม จึงเป็นเรื่องเท็จ นายทวิชกล่าวทิ้งท้าย’>