เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าบรรยากาศของการแข่งขันลับมีดกรีดยางพารา ภายในการจัดงานวันยางพาราและกาชาดจังหวัดบึงกาฬ ประจำปี 2561 ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 17 – 23 มกราคม 2561 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ ซึ่งในวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการแข่งขัน โดยยังคงได้รับความสนใจจากเกษตรกรชาวสวนยางพาราและเจ้าของสวนยางพาราในจังหวัดบึงกาฬทั้ง 8 อำเภอ และยังมีเกษตรกรชาวสวนยางจากจังหวัดมุกดาหารที่มารับจ้างกรีดยางพาราในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ เข้ามาสมัคร และนอกจากนี้ยังมีเกษตรกรชาวสวนยางพาราจากแขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว จำนวน 11 ท่าน มาสมัครเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย ซึ่งรวมผู้เข้าแข่งขันในวันนี้กว่า 40 คน โดยมีสำนักงานเกษตรจังหวัดบึงกาฬเป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขันโดยวัดกันตามหลักวิชาการในการลับมีดกรีดยางอย่างถูกวิธี มี 8 ขั้นตอน 2.ความบางของมีดและลักษณะเดือยมีดโค้งมน ยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร อยู่ในรูปทรงสวยงาม 3.ความคมของมีดเมื่อกรรมการทดสอบกับต้นยางจริง
ซึ่งผู้ที่ชนะเลิศในวันนี้ได้แก่นายนุกรณ์ แก้วใส ชาวอำเภอศรีวิไล ได้รับรางวัลเงินสด 2,500 บาทและพร้อมใบประกาศนียบัตร นายวันนี อ่อนหวาน ชาวพรเจริญ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 พร้อมเงินสด 2,000 บาทและพร้อมใบประกาศนียบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ท่านเพ็ด พงคำพัน สปป.ลาว ได้รับเงินรางวัล 1,500 บาทและพร้อมใบประกาศนียบัตร รางวัลชมเชย 2 รางวัล เงินสดรางวัลละ 500 บาทและพร้อมใบประกาศนียบัตร ได้แก่นายกฤษณะ ไกรรัตน์ ชาวอำเภอศรีวิไล และนายสุริยา สมพิทักษ์ ชาวอำเภอเซกา
ท่านซายคำ กุมมาวง รองหัวหน้าแผนกกสิกรรมและป่าไม้แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว กล่าวว่า แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ได้รับเกียรติจากสำนักงานจังหวัดบึงกาฬให้นำเกษตรกรชาวสวนยางพารา ของ สปป.ลาวมาเข้าร่วมการแข่งขันซึ่งในวันนี้ได้นำเกษตรกรมาเข้าร่วมจำนวน 11 ท่านและคณะที่ร่วมเดินทางมาในครั้งอีก 9 ท่านซึ่งรู้สึกดีใจที่ทางจังหวัดบึงกาฬเห็นความสำคัญของเกษตรกรชาว สปป.ลาว ซึ่งการเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ถือว่าเป็นการมาขอรับเอาประสบการณ์นำกลับไปปรับใช้ในสวนยางพารา ซึ่งทางแขวงบอลิคำไซ ได้พัฒนาเรื่องยางพารามาแล้วประมาณ 10 กว่าปี และยังเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกันระหว่างแขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว กับ จังหวัดบึงกาฬ ให้เหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีต่อไปๆทางแขวงบอลืคำไซ จะได้ส่งเกษตรกรเข้ามาร่วมการแข่งขันลับมีดกรีดยางอย่างต่อเนื่องทุกๆปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นการพัฒนาฝีมือแรงงานและพัฒนาฝีมือเกษตรกรไปในตัว
ขอขอบคุณข่าวมติชน’>