บึงกาฬ เตือนภัย!!!!มิจฉาชีพรูปแบบใหม่ อ้างนายทุนใหญ่ส่งเสริมโครงการปลูกอินทผาลัม ล่าสุดโผล่ป่วน อ.เซกา จ.บึงกาฬ วอนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬแจ้งว่า มีนายทุนเข้ามาชักชวนชาวบ้านให้เข้าร่วมโครงการสงเสริมปลูกอินทผลัมและให้งบรายหัวสูงถึง คนละหนึ่งล้านบาท ชาวบ้านหลงเชื่อเป็นจำนวนมากโดนเฉพาะในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬเป็นหลัก พูดเชิญชวน ประชาชนให้มาสมัคร และที่สำคัญหลักฐานในการใช้สมัครมีสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านซึ่งให้เอาไปยื่นที่โต๊ะให้เขาถ่ายให้โดยถ่ายแบบสีและไม่ให้เจ้าตัวเซ็นสักใบพฤติกรรม คือมีกลุ่มคนเข้ามาติดต่อผ่านทางผู้นำชุมชน อีกทั้งมีการตั้งกลุ่มไลน์ และชักชวนชาวบ้านให้เข้ากลุ่ม จากนั้นมีหัวหน้าทีมกลุ่มไลน์ ส่งเนื้อหางมงายให้เชื่อทุกๆวัน ยกตัวอย่างเช่น “วันนี้เตรียมเฮทางภาคอีสานของเราเงินเข้ามา 100 ล้านแล้ว ภาคเราอีกอึดใจเดียวคร่าาา”แถวแพร่ก็มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เลยคือมีกลุ่มคนมาชักชวนชาวบ้านให้เชื่อว่าจะมีการให้เงินหนึ่งล้านบาทลงทุนให้เลี้ยงกุ้ง มาให้เปิดบัญชีเงินฝากตั้งหลายธนาคาร เราพยายามเตือนชาวบ้านแล้วไม่ฟังเอาสำเนาบัตรประจำตัว สำเนาทะเบียนบ้าน ไปหลายรอบมากแต่ละครั้งให้เซ็นต์แต่ชื่อห้ามเขียนอะไรลงไป โดยจะให้แกนนำชาวบ้านไปชักชวนกันว่าจะมีการให้เงิน ล่าสุดให้ชาวบ้านเอาสำเนาบัตรกับสำเนาทะเบียนบ้านไปให้คนละ40กว่าชุด เราพอจะมีทางจัดการตรวจสอบอะไรได้ไหม แต่ละครั้งเค้าไม่ให้หลักฐานอะไรกับชาวบ้านเลย

อีกรายเกษตรกรแถวเพชรบูรณ์. ว่ามีกลุ่มคนและรูปบริษัท มาชักชวนชาวบ้านให้ปลูกอิทผาลัม. โดยต้องซื้อต้นพันธุ์จากเขาในราคาต้นละ 400 บาท
และจะรับซื้อคืนผลผลิตในราคา 300 บาทต่อกิโล.  (มาในรูปแบบเดิมๆ หลอกกันแบบเดิมๆแต่ถ้าเกษตรกรหลงเชื่อก็จะถูกหลอกเหมือนเดิมเช่นกัน)
ประเด็นก็คือ.
1. ต้นพันธุ์ แน่นอนมาจากการเพาะเม็ด 400 บาท แพงสุดขั่ว.
2. อินทผาลัม ไม่ใช่มะพร้าว. อินทผาลัมมีเพศแยก คือต้นตัวผู้และต้นตัวเมีย  ผลผลิตจะเกิดจากต้นตัวเมีย.ตัวผู้ที่ใช้ผสมต้องเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมผลผลิตถึงจะมีคุณภาพ. ตัวผู้ 1 ต้นใช้ผสม
กับตัวเมียได้หลายสิบต้น. หมายความว่า ถ้าท่านมีต้นตัวเมีย 100 ต้น ท่านแค่ใช้เกษรของต้นตัวผู้ไม่ถึง 5 ต้น.  ที่สำคัญคือ  จากการเพาะเม็ด 100 ต้น. โอกาสที่จะเป็นตัวผู้. มากกว่า 50 ต้น. คือมากกว่า 50 % ที่ท่านปลูกจะไม่มีลูกคือไม่มีผลผลิต.  นั่นคือท่านเป็นเหยื่อ ถูกหลอก
3. ข้อนี้สำคัญที่สุด.  จากการเพาะเม็ด ไม่มีทางรู้เลยว่าต้นใดเป็นต้นตัวผู้หรือตัวเมีย.  ถ้าพวกที่มาหลอกขายบอกว่าสามารถแยกไก้ว่าต้นใดตัวผู้ต้นใดตัวเมีย. ให้รีบไล่ออกจากหมู่บ้านท่านได้เลย
ถูกหลอกแน่นอน. เพื่อนเกษตรกรยังแจ้งมาว่า กลุ่มหลอกลวงพวกนี้ จะยกอ้างข้อดีมากมาย แถมยังอ้างว่าเป็นสารพัดด๊อกเตอร์ ทำให้น่าเชื่อถือ.  อย่าตกเป็นเหยื่อจากการถูกล่อหลอกด้วยคำ.
พูดและจำนวนเงินผลกำไรที่พวกหลอกลวงพวกนี้คิดให้ดูสรุปพฤติกรรมที่พึงระวังอาจจะเข้าข่ายเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ
1. มีกลุ่มคนอ้างว่าเป็นนายทุน หรือเจ้าหน้าที่โครงการของรัฐ แต่ไม่มีเอกสารยืนยันว่ามาจากส่วนราชการใด มาส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชน ลงทุนน้อย ผลตอบแทนหลักแสน หรือหลักล้าน คุ้มค่าคุ้มราคา
2. มีการขอเอกสารในการสมัคร เช่น บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน โดยจะถ่ายเป็นเอกสารสีเท่านั้น (ไม่ทราบจุดประสงค์) โดยห้ามขีดคร่อม หรือเซ็นต์กำกับ อ้างว่าเอกสารจะสกปรก
3. มีการเรียกรับเงินเป็นค่าถ่ายเอกสาร หรือค่าสมัครสมาชิก เป็นจำนวนเงิน 100-500 บาท
4. บางรายอาจมีการเรียกรับเงินค่าพันธุ์พืชที่จะปลูกไปล่วงหน้า
5. โครงการที่อ้างถึงจะเป็นการลงทุนปลูกพืชชนิดต่าง ๆ  นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ยังมีมิจฉาชีพรูปแบบอื่นอีกมาที่แสวงหาประโยชน์จากพี่น้องชาวไร่ชาวนา ที่ต้องการช่องทางทำมาหากินให้พอลืมตาอ้าปากได้ บางครั้งที่หลงเชื่ออาจจะไม่ใช่ความโลภ แต่เป็นความหวังที่อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยกันเป็นหูเป็นตา และเตือนญาติพี่น้อง หากพบกลุ่มคนมีพฤติกรรมน่าสงสัย ขั้นต้นแจ้งหน่วยงานที่เกียวข้องทันที
ที่มา: https://www.facebook.com/queentogetherisone/

‘>