รองผู้ว่าบึงกาฬรับตำแหน่งใหม่ กราบไหว้ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด ขอพรปฏิบัติหน้าที่ราบรื่นเพื่อประชาชน

เมื่อเวลา 9.30 น.ของวันที่ 7 ตุลาคม 2561ที่จวนผู้ว่าราชจังหวัดบึงกาฬหลังเก่านายธวัชชัย ศรีทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ คนใหม่ พร้อมด้วยประชาชนและข้าราชการในพื้นที่100กว่าคน ที่ร่วมให้การต้อนรับ ในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ ได้ร่วมกันกราบขอพร และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ เพื่อเป็นศิริมงคล ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนได้อย่างราบรื่นได้แก่สิ่ง ในจวนผู้ว่าราชการหลังเก่า  วัดโพธิธาราม บ้านท่าไคร้ วัดเก่าแก่ประจำจังหวัดบึงกาฬ สักการะพระประธานในโบสถ์ ซึ่งมีประวัติเก่าแก่ โดยมีข้อห้ามสตรีเข้าภายในโบสถ์ โดยต้องกราบไหว้ภายนอกโบสถ์เท่านั้น จากนั้นได้ไปร่วมกันจุดบั้งไฟถวายหลวงพ่อพระใหญ่ที่ริมแม่น้ำโขง เยี่ยมชมเรือกลไฟ เหล็กอายุหลายร้อยปี โดยมีประวัติชาวบ้านได้นำขึ้นจากแม่น้ำโขง คาดว่าเป็นของชาวฝรั่งเศสที่จมอยู่ภายในแม่น้ำโขงกว่า 70 ปี ยังมีสภาพสมบูรณ์มาก ต่อจากนั้น ได้เดินทางไปที่วงเวียน ศาลเจ้าแม่สองนาง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจังหวัดบึงกาฬให้ความเคารพนับถือ พร้อมกันนี้ได้นำเครื่องสักการะบูชา กราบไหว้ ขอพร พร้อมกับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาจากปทุมธานีกว่า 60 คน ที่เดินทางมาให้กำลังใจ

นายธวัชชัย ศรีทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬคนใหม่ ก่อนจะย้ายมาดำรงตำแหน่ง มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าสำนักงานจังหวัดปทุมธานี ซึ่งต่อมาได้รับโอกาสจากผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งให้มารับตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬรับแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬกล่าวว่า บึงกาฬเป็นจังหวัดเล็กที่เกิดขึ้นใหม่อันดับที่ 77 ของประเทศไทยยังต้องการความพัฒนาอีกมาก ซึ่งนายธวัชชัย ศรีทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬที่มารับตำแหน่งใหม่เป็นผู้ที่มีความคุ้นเคยกันเพราะเคยปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันในจังหวัดปทุมธานีนับว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ตั้งใจทำงานอย่างจริงจังเชื่อว่าในการย้ายมารับตำแหน่งใหม่ในครั้งนี้จะสามารถช่วยในการพัฒนาจังหวัดบึงกาฬให้เจริญรุ่งเรืองและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นซึ่งตนเองอย่างมั่นใจว่า การใช้คนให้ถูกที่และถูกทางถูกเวลาจะช่วยให้ประเทศชาติพัฒนามากยิ่งขึ้น และขออวยพรให้ นายธวัชชัย ศรีทองและครอบครัว ทำงานอย่างมีความสุขและร่วมแสดงความยินดีในโอกาสนี้

ประวัติตวามเป็นมาของจังหวัดบึงกาฬเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอบึงกาฬ มี ร.อ.ท.พระบริบาลศุภกิจ ( คำสวย ศิริขันธ์ ) เป็นนายอำเภอคนแรก(ชัยบุรีเดิม) เมื่อปี พ.ศ. 2459 และนายเลิศพรไชย ไชยฤทธิ์
ต่อมา พ.ศ. 2537 ได้มีการเสนอให้อำเภอบึงกาฬยกขึ้นเป็นจังหวัดโดยนาย สุเมธ พรมพันห่าว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเสรีธรรม จังหวัด โดยให้แยกพื้นที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่งคล้า ออกจากจังหวัดหนองคาย รวมพื้นที่ทั้งหมด 4,305 ตารางกิโลเมตร แต่ก็ยังไม่ได้รับความเห็นชอบ จนกระทั่งพ.ศ. 2553 กระทรวงมหาดไทย ได้นำเรื่องการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยมีผลการสำรวจความเห็นของประชาชนจังหวัดหนองคาย ร้อยละ 98.83 เห็นด้วยกับการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ ดังนั้นในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ และมีพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. 2554 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2554

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจและสวยงาม มากมาย อาทิ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว วัดอาฮงศิลาวาส ศาลเจ้าแม่สองนาง หลวงพ่อพระใหญ่ บ้านท่าใคร้ หนองกุดทิง หาดทรายขาวริมฝั่งแม่น้ำโขง บึงโขงหลง หาดคำสมบูรณ์ น้ำตกตาดกินรี ภูทอก น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกถ้ำฝุ่น น้ำตกชะแนน ฯลฯ ที่สามารถเดินทางไปเที่ยวชมและพักผ่อนได้ทุกฤดูกาล

คำขวัญของจังหวัดบึงกาฬ”สองนางศาลศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อใหญ่ แหล่งน้ำใสหนองกุดทิง
สุดใหญ่ยิ่งแข่งเรือยาว หาดทรายขาวเป็นสง่า น่าทัศนาแก่งอาฮงงามน้ำโขงที่บึงกาฬ สุขสำราญที่ได้ยล”

ข่าว-ถาพ/กระสุนไฟ

‘>