LINE : ติดต่อผู้ดูแล

ยินต้อนรับเว็บไซต์ข่าวสารเพจข่าวท้องถิ่นบึงกาฬ

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2024
ข่าวเด่นบึงกาฬ

‘บึงกาฬลานเด็กเล่น’ ดึงวิทยากรแนวหน้า ร่วมผนวกศาสตร์ผูกศิลป์ เรียกเด็กๆร่วมสนุกเวิร์กชอปแน่นไม่รู้เบื่อ @วันยางพาราบึงกาฬ 62

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม จ.บึงกาฬ ได้จัดงานวันยางพาราบึงกาฬ 2562 ระหว่างวันที่ 13-19 ธันวาคม ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมือง จ.บึงกาฬ โดยในการจัดงานวันที่ 4 นั้น ผู้สื่อข่าวรายว่าที่โซนบึงกาฬลานเด็กเล่น มีการจัดกิจกรรมหลากหลาย โดยมีวิทยากรที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและระดับโลกร่วมให้ความรู้ ผ่านกิจกรรมมากมาย อาทิ กิจกรรม “ห้องเรียนธรรมชาติ” ที่สอนทักษะการดูนกเบื้องต้น พร้อมพาไปดูนกที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จ.บึงกาฬ โดย นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ รองประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร, “ห้องเรียนท้องฟ้าและวิทยาศาสตร์” กิจกรรม “ดูเมฆแล้วได้อะไร”

กิจกรรม “เก่งวิทย์ คิดสนุก” และกิจกรรม “เสกกระดาษ…สร้างศิลป์สนุก” ที่สอนการพับกระดาษแบบโอริงามิ โดย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ผู้อำนวนการเผยแพร่เทคโนโลยี ศูนย์เทคโนโลยีและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) และห้องเรียนศิลปะ กับ “เทคนิคการระบายสีไม้” โดย อิทธิวัฐก์ สุริยมาตย์ ศิลปินและนักเขียนชื่อดัง “การวาดการ์ตูนเบื้องต้น” โดย นายจีรพงษ์ ศรนคร นักวาดการ์ตูน และกิจกรรม “สนุกกับสีน้ำ” โดย ตะวัน วัตุยา ศิลปินชื่อดังผู้เชี่ยวชาญเทคนิคสีน้ำ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการประกวดวาดภาพระบายสี เพื่อลุ้นรับเซ็ตของรางวัลมากมาย ซึ่งจะประกาศผลในวันที่ 19 ธันวาคม

ดร.บัญชา กล่าวว่า การพับกระดาษ “โอริงามิ” เป็นของประเทศญี่ปุ่น สำหรับเด็กที่อาจจะยังไม่โตมากนัก เช่น เด็กประถม ก็จะให้เด็กทำของเล่น ส่วนเด็กอนุบาล ก็จะเติมความรู้เข้าไป ว่าการพับกระดาษแบบโอริงามิ ยังมีแง่มุมที่น่าสนใจในเชิงวิชาการด้วย เช่น มีการนำไปออกแบบเป็นแผงโซลาร์เซลล์ของดาวเทียมในประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เด็กรู้ว่าของที่ทำและเล่นอยู่ ในอนาคตอาจจะขึ้นสู่อวกาศ โดยได้สอนเด็กทำโมเดลประมาณ 5 ชิ้น คือ ปากที่เอาไว้คุยกับเพื่อนๆได้ นกกระพือปีก ผีเสื้อ ดอกไม้ และหัวใจติดปีก ซึ่งเด็กชอบมากเลยก็คือผีเสื้อ เป็นต้น เป็นความเพลิดเพลิน แต่ละคนก็มีความชอบแตกต่างกันไป

“การพับกระดาษสามารถมองได้หลายแง่มุม ปกติคนจะมองการพับกระดาษเป็นแค่การทำของเล่นเล็กๆ แต่การพับกระดาษเป็นสิ่งที่น่าแปลก ที่แม้ไม่ได้เป็นศิลปะแท้ๆอย่าง จิตรกรรม ประติมากรรม แต่ก็เป็นสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างศิลปะกับวิทยาศาสตร์ เพราะคือการออกแบบโดยการแปลงสิ่งของ 2 มิติ ให้เป็น 3 มิติ ที่มีรูปร่างต่างๆ ที่บางครั้งขยับได้” ดร.บัญชากล่าว และว่า ถ้าเด็กไทยได้ฝึกการพับกระดาษ นอกจากจะเป็นการฝึกทักษะการใช้นิ้ว การใช้มือ หรือการมองและการฟังแล้ว ก็ยังได้ฝึกทักษะการออกแบบและการคิดด้วย

“สมัยนี้ปกติเด็กจะอยู่กับมือถือ มีสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจเยอะ แต่ 2 ชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมา เด็กๆตั้งใจมาก ทุกคนโฟกัสกับกระดาษ และเล่นสนุกกันเอง ไม่มีใครวิ่งกันนอกห้อง ทำอย่างอื่น หรือเอามือถือขึ้นมาเล่น อาจจะมีคนที่ทำได้ช้ากว่าเพื่อน ซึ่งผู้สอนกับสตาฟก็ให้คนที่ทำได้เร็วกว่าช่วยเพื่อนที่ทำได้ช้ากว่าด้วย ทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์เขาจะสอนกันเอง ผมพบว่าการที่เด็กสอนกันเองดีกว่าผู้ใหญ่สอน เพราะเขาคุยด้วยภาษาเดียวกัน เราสามารถใช้การพับกระดาษเป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคล หรือพัฒนาให้เกิดทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนหรือกับกลุ่มเล็กๆได้” ดร.บัญชากล่าว


ด้าน นพ.รังสฤษฎ์ กับกิจกรรม “ห้องเรียนธรรมชาติ” ได้สอนทักษะการดูนกเบื้องต้น ทั้งชื่อของนก เสียงร้อง วิธีการจำแนกนกแต่ละประเภท ทั้งตามรูปลักษณ์ภายนอก เช่น สีของขน ขนาด ลักษณะของปาก ถิ่นอาศัย หรือการจำแนกตามพฤติกรรมนั้น ผู้สอนยังได้แนะวิธีการเตรียมตัว สอนการจดบันทึกและวาดรูปนกที่พบในวันที่ 15 ธันวาคม จากนั้นเวลา 05.00 น. วันที่ 16 ธันวาคม ได้ยังนำนักเรียนในชั้นเรียน ไปดูนกของจริง ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง พื้นที่ชุ่มน้ำโลกใน จ.บึงกาฬ ที่มีนกนานาชนิดกว่า 167 ชนิด

นพ.รังสฤษฎ์ กล่าวว่า ตนชอบป่า ชอบธรรมชาติ และสัตว์ทุกอย่างมาตั้งแต่เด็ก เพราะแม่จะชอบเล่านิทานเกี่ยวกับสัตว์ และพาไปเดินป่า สัมผัสธรรมชาติ เมื่อโตขึ้นก็ยังมีความหลงใหลเกี่ยวกับชีววิทยาและนิเวศวิทยา จึงได้ศึกษาเรื่องการดูนกด้วยตนเองทั้งหมด โดยปัจจุบันในเวลาเวลาราชการจะประกอบอาชีพแพทย์ และนอกเวลางานก็ทำงานศึกษาวิจัย อนุรักษ์ เป็นนักถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติให้กับเด็กๆ เหมือนที่แม่เคยถ่ายทอดให้ตน

“นกมีความสำคัญในหลายมิติ ในมิติทางชีววิทยาหรือนิเวศวิทยา คือมีหน้าที่รักษาสมดุลทางธรรมชาติในหลายทาง เป็นผู้ที่ควบคุมแมลง ช่วยผสมเกษร ช่วยกระจายพันธุ์พืช เป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการรักษาสมดุลและกลไกทางธรรมชาติ แต่ความสำคัญอีกอย่างคือแง่ของความงาม เราจะอยู่บนโลกใบนี้โดยไม่เห็นความงามก็ยังมีลมหายใจได้ แต่จะเรียกว่ามีชีวิตหรือเปล่าไม่รู้ นกเป็นความงามที่เห็นได้ง่ายมาก ด้วยสีสัน เสียงร้อง และพฤติกรรม เป็นความงดงามที่จับใจ ซึ่งนกที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติมีอิสระ เมื่อดูนกก็ทำให้เป็นคนที่มีความละเอียดอ่อน มีความสงบในจิตใจ ชีวิตที่อยู่ในเมือง อยู่กับวัตถุมากๆเป็นชีวิตที่ขาดแคลนสิ่งเหล่านี้ ทำให้เกิดความเหงา ความซึมเศร้าโดยที่เราไม่รู้ตัว และก็อาจจะมีปัญหาสุขภาพตามมาด้วย ถ้าเราใช้ชีวิตที่ห่างเหินจากธรรมชาติ นกเป็นสัตว์ที่มีอยู่รอบๆตัวเรา เป็นตัวเชื่อมโยงเรากับธรรมชาติที่ง่ายที่สุด เป็นทูตของธรรมชาติ ฟื้นฟูสายสัมพันธ์ที่เราเคยมีกับธรรมชาติ การดูสัตว์ในแหล่งธรรมชาติ สามารถสร้างความสุข เพราะได้เห็นสีสัน ได้ยินเสียงร้อง สัตว์ในธรรชาติจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากในกรงอย่างสิ้นเชิง” นพ.รังสฤษฎ์กล่าว และว่า

ในการพาเด็กๆไปดูนก ก็ได้ให้เด็กเตรียมตัวเรื่องการแต่งกายที่ไม่ควรใส่เสื้อผาสีสันฉูดฉาดจนเกินไป เอาหมวกมากันแดด และมีสมุดจดบันทึก ที่สำคัญคือเตรียมใจที่กระหายจะเรียนรู้ โดยได้พาเด็กๆดูนก จดบันทึกและวาดรูปนกที่พบ

นพ.รังสฤษฎ์กล่าวว่า อยากให้เด็กได้รู้ว่าบ้านของเขามีนกที่มีความพิเศษอย่างไร เช่น มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีพฤติกรรมที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง ไม่อยากให้รู้จักแต่เทคโนโลยี ผมคาดหวังแค่ว่า ถ้าเขาได้เห็นแล้วรู้สึกตื่นตา ตื่นใจ เกิดความรักในสิ่งเหล่านี้ ก็จะเกิดความรู้สึกหวงแหน และร่วมรักษาธรรมชาติไว้ แต่ถ้าจะฝากโลกใบนี้ไว้กับเด็กรุ่นหลังได้ เขาต้องรู้จักมันเสียก่อน เพราะถ้าไม่รู้จักก็ไม่รักแน่นอน เขาคงไม่ลงแรงที่จะปกปักษ์รักษา”

“นกเป็นตัวเชื่อมโยงให้คนกับธรรมชาติ อยากให้คนหันกลับมามอง ฟัง และดูธรรมชาติ เพราะความงดงามที่สุด ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลหรือต้องจ่ายเงินแพงๆเพื่อค้นพบ แต่ต้องใช้หัวใจสัมผัสสิ่งเหล่านี้ เพียงแค่เปิดใจ รับรู้ความงามรอบตัว ก็จะมีกำไรมากมายในชีวิต” นพ.รังสฤษฎ์กล่าว

ขอขอบคุณที่มา มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/region/news_1275300‘>

ข่าวเด่นบึงกาฬ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด