สมัชชาคนจนบึงกาฬชุมนุมเพื่อทวงสัญญาข้อตกลงปัญหากรณีที่สาธารณประโยชน์หนองกุดทิง

(18 ก.พ. 2562) พี่น้องสมัชชาคนจนจังหวัดบึงกาฬ ได้เดินทางมาชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ เพื่อมาทวงสัญญาจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ที่สัญญาว่าจะมีคำสั่งให้แก้ปัญหาพิพาทที่ดินสาธารณะประโยชน์บะหนองหล่มและกุดทิงตามบันทึกข้อตกลงวันที่ 7 ก.พ. 2562 ที่บอกว่าจะมีคำสั่งให้แก้ปัญหาในสามวัน แต่เรื่องกลับเงียบหาย

พี่น้องสมัชชาคนจนผู้เดือดร้อนจึงต้องเสียเวลาทำมากินเดินทางมาชุมนุมเพื่อทวงสัญญา เพื่อให้รู้ว่าชาวบ้านยังไม่ลืมสัญญาและเฝ้ารอการแก้ไขปัญหาอย่างใจจดใจจ่อ

สรุปผลการชุมนุมในวันนี้(18 ก.พ. 2562) ของชาวบ้านสมัชชาคนจนจังหวัดบึงกาฬในการทวงสัญญาตามบันทึกข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาการออก นสล. ของที่สาธารณะประโยชน์บะหนองหล่ม และ กุดทิง

วันนี้ชาวบ้านบะหนองหล่มและกุดทิงได้มาตามเรื่องที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายวรทัศน์ ธุลีจันทร์ และหน่วนงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันทำบันทึกข้อตกลงเอาไว้ในวันที่ 7 ก.พ. 2562 ซึ่งระบุไว้ว่า

จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการออก นสล.ที่สาธารณะประโยชน์ทั้ง 2 แปลง โดยมีตัวแทนชาวบ้านเป็นสมาชิกครึ่งหนี่งของคณะกรรมการ

จะทุเลาการบังคับคดีการบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์กับชาวบ้านในพื้นที่บะหนองหล่มจำนวน 2 รายเอาไว้ก่อน

จะเร่งการตรวจสอบกรณีการลักลอบทิ้งและเผาขยะของเทศบาลตำบลท่าสะอาด จนไฟไปไหม้สวนยางของชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง

โดยที่วันที่ 7 ก.พ. 2562 รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬได้สัญญาว่าจะมีคำสั่งหลังจากทำบันทึกข้อตกลงเสร็จภายใน 2-3 วัน แต่จนถึงวันนี้ก็ล่วงเลยมากว่า 10 วันแล้ว
ชาวบ้านจึงต้องมาชุมนุมเพื่อทวงสัญญา ประกอบกับชาวบ้านผู้โดยหมายบังคับคดีต้องการบันทึกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมกาตรวจสอบข้อเท็จจริง ไปใช้เป็นเอกสารประกอบในการยื่นอุทรณ์เพื่อให้ทุเลาการบังคับคดีไปก่อน ในวันที่ 21 ก.พ. 2562 ซึ่งมีเส้นตาย 15 วันนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2562 วันที่หมายบังคับคดีแปะประกาศนั้น

ซึ่งจริงๆแล้วในระหว่างวันที่ 7 ก.พ. จนถึงวันนี้ ชาวบ้านก็ได้ทำการสอบถามเพื่อตามเรื่องตลอดว่ามีคำสั่งออกมาหรือยัง และคำสั่งไปถึงไหนแล้ว โดยพบว่าคำสั่งได้ออกจากทางจังหวัดไปที่ทางอำเภอแล้ว แต่ทางอำเภอนั้นทำงานล่าช้า ไม่มีคำสั่งออกมาเสียที

วันนี้หลังจากที่ชาวบ้านมารวมตัวกันเพื่อชุมนุมทวงสัญญา ทางผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบึงกาฬ นายชวมินทร์ ตรีเนตร ได้เชิญตัวแทนชาวบ้านเข้าไปเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อยุติในการชุมนุมของชาวบ้าน ซึ่งผลของการเจรจาก็ได้บันทึกข้อตกลงที่ระบุว่า กรณีบะหนองหล่มจะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในวันที่ 21 ก.พ. 2562 และ กรณีกุดทิงคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในเดือน ก.พ. นี้ และคณะกรรมการทั้งสองชุดต้องมีชาวบ้านเป็นสมาชิกกึ่งหนึ่ง แลกกับการที่ชาวบ้านต้องยุติการชุมนุมหน้าศาลากลาง โดยชาวบ้านก็ได้ทำกิจกรรมรอคำสั่งการแต่งตั้งคณะกรรมการอยู่จนถึงช่วงเย็นจนได้หนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ แต่ไม่ตรงกับข้อตกลงที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้และไม่ตรงตามร่างที่ทางชาวบ้านเป็นคนเสนอไป

และได้มีการเจรจากับนายอำเภอเมืองบึงกาฬกับผอ.ศูนย์ดำรงธรรม ในระหว่างการรอคำสั่ง แต่การเจรจาที่เกิดขึ้นนั้นโดยท่าทีและคำพูดของทางนายอำเภอเมืองบึงกาฬและผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมนั้นไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ไม่รับฟังปัญหาของชาวบ้านเท่าที่ควร

ตัวแทนชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบได้เข้าไปเจรจาเพื่อหาข้อยุติปัญหาการออกหนังสือสำคัญที่หลวงที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อน กับผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบึงกาฬ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยผลของการเจรจาคือ

1.กรณีปัญหาบะหนองหล่ม ให้อำเภอเซกาเร่งดำเนินการออกคำสั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ทำเลเลี้ยงสัตว์บะหนองหล่ม โดยคณะทำงานต้องมีตัวแทนชาวบ้านครึ่งหนึ่งของคณะทำงานให้แล้วเสร็จภายใน วันที่21 ก.พ. 2562

โดยที่ต้องเสร็จภายในวันที่ 21 ก.พ. 2562 เนื่องจาก มีหมายบังคับคดีชาวบ้าน 2 รายให้ออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน ชาวบ้านทั้ง2ราย จึงต้องการให้มีคำสั่งในการใช้ยื่นอุทรณ์ให้ศาลทุเลาการบังคับคดีเอาไว้ก่อน ภายใน15 วัน นับตั้งแต่วันที่หมายบังคับคดีิิลงวันที่เอาไว้ คือวันที่ 6 ก.พ. 2562

จากการติดตามการทำงานแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณะประโยชน์จังหวัดบึงกาฬ ทางจังหวัดบึงกาฬได้มีการเตะถ่วง ไม่ทำตามสัญญา ไม่ยอมแต่งตั้งคณะกรรมการในการปัญหา และโยนเรื่องไปให้ทางอำเภอเป็นคนแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาแทน เมื่อตามเรื่องไปทางอำเภอ ก็ยังไม่มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการในการแก้ปัญหาใดๆ แสดงถึงการไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา ไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้าน

ข้าราชการรังแกประชาชน!!

 

7 ก.พ. 62 กลุ่มสมัชชาคนจนจังหวัดบึงกาฬยืนยันใช้เสรีภาพจัดการชุมนุมเรียกร้องเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหากรณีที่สาธารณประโยชน์หนองกุดทิงและหนองบะหล่มทับที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ต.โนนสมบูรณ์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ หลังตัวแทนของกลุ่มฯ เข้าแจ้งการชุมนุมกับสถานีตำรวจภูธรเมืองบึงกาฬ (สภ.เมืองบึงกาฬ) เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 62 แต่ผู้กำกับการ สภ.เมืองบึงกาฬกลับ มีคำสั่ง “ห้ามชุมนุม” อ้างการชุมนุมรบกวนการปฏิบัติงานหรือใช้บริการหน่วยงานของรัฐตามมาตรา 8(1)  พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 และผู้ชุมนุมมีเจตนาไม่สุจริต ต้องการชุมนุมให้ยาวนาน

ภาพเตรียมการชุมนุมในเช้าวันที่ 7 ก.พ. 62 (จากเพจ สมัชชาคนจน Assembly of the Poor)

ทั้งนี้ ในการแจ้งการชุมนุมเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 62 นั้น มีตัวแทนกลุ่มฯ รวม 14 คน เข้าแจ้งการชุมนุมคนละ 2 วัน  เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 ของวันที่ 7 ก.พ. 62 ต่อเนื่องกันไป ระบุสถานที่ชุมนุมบริเวณศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ มีผู้เข้าร่วมประมาณ 100 คน มีการใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์รวม 13 คัน มีการใช้เครื่องเสียงและลำโพง รวมทั้งธงและป้าย

ต่อมา วันที่ 6 ก.พ. 62 พ.ต.อ.อนุกูล ดาวลอย ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ ได้ตอบกลับเป็นคำสั่ง “ห้ามชุมนุม” ระบุว่า การแจ้งการชุมนุมสาธารณะเป็นการแจ้งขอชุมนุมแบบต่อเนื่องรายละ 2 วัน รวม 30 วัน เป็นการชุมนุมต่อเนื่องและยาวนาน อีกทั้งเป็นเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบสิทธิ และรอคำสั่งศาลปกครอง ประกอบกับสถานที่ชุมนุมเป็นศูนย์ราชการและเป็นสถานที่ทำการหน่วยงานของรัฐ ในการชุมนุมมีการใช้เครื่องขยายเสียง เป็นการรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานที่ ซึ่งเป็นการขัดต่อมาตรา 8(1) ของ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ และเป็นช่วงระยะเวลาของการประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.อาจมีบุคคลผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์รุนแรงขึ้นได้ จึงมีคำสั่ง “ห้ามชุมนุม”

นอกจากนี้ ในบันทึกประจำวันของ สภ.เมืองบึงกาฬยังระบุด้วยว่า พ.ต.อ.อนุกูล ดาวลอย เห็นว่า การแจ้งการชุมนุมแบบต่อเนื่องรายละ 2 วัน ส่อเจตนาที่ไม่สุจริต ต้องการชุมนุมให้ยาวนาน

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านกลุ่มสมัชชาคนจนฯ เห็นว่า คำสั่งห้ามชุมนุมดังกล่าว เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ เนื่องจากกลุ่มฯ ไม่ได้มีเจตนาที่จะจัดการชุมนุมที่กีดขวางทางเข้าออกศาลากลางจังหวัด หรือรบกวนการปฏิบัติงานและการใช้บริการ อีกทั้ง ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ  ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ ผู้รับแจ้งการชุมนุม ไม่มีอำนาจห้ามการชุมนุมในขั้นตอนนี้ ตัวแทนกลุ่มฯ จึงได้ทำหนังสือถึง ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬอีกครั้งในเย็นวันที่ 6 ก.พ. 62 เพื่อยืนยันการใช้เสรีภาพในการชุมนุมของตนเอง

หนังสือดังกล่าวระบุว่า  ยังไม่ปรากฏว่าผู้ชุมนุมมีเจตนาหรือพฤติการณ์ที่จะจัดการชุมนุมในลักษณะกีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงาน หรือการใช้บริการสถานที่ จึงยังไม่เป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบตามมาตรา 8 (1) ของ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ นอกจากนี้ หากผู้รับแจ้งการชุมนุมเห็นว่า การชุมนุมที่มีการแจ้งอาจขัดต่อมาตรา 8(1) ดังกล่าว ต้องมีคำสั่งให้แก้ไขการชุมนุมภายในเวลาที่กำหนด และหากผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ผู้รับแจ้งจึงจะมีคำสั่งห้ามชุมนุมได้ โดยทำเป็นหนังสือถึงผู้แจ้งการชุมนุม ตามมาตรา 11 ของ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ดังนั้น คำสั่งห้ามชุมนุมของ ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งให้แก้ไขการชุมนุมก่อน

หนังสือของตัวแทนกลุ่มฯ ยังชี้แจงด้วยว่า การชุมนุมที่จะจัดขึ้นตามที่มีการแจ้งนั้นไม่ได้จัดบริเวณทางเข้าออกศาลากลาง ทั้งการใช้เครื่องขยายเสียงก็อยู่ในระดับเสียงตามที่กฎหมายกำหนด จึงย่อมไม่เป็นการรบกวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และประชาชนย่อมใช้บริการได้ตามปกติ จึงขอยืนยันการใช้เสรีภาพในการชุมนุมตามที่ได้แจ้งการชุมนุมแล้ว หากเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการใดที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ หรือกฎหมายอื่นๆ หรือมีการสลายการชุมนุม ผู้แจ้งการชุมนุมจะขอใช้สิทธิดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ หรือเป็นกระทำละเมิดต่อกลุ่มชาวบ้าน

ทั้งนี้ เพจ สมัชชาคนจน Assembly of the Poor ยังระบุด้วยว่า ขณะตัวแทนกลุ่มฯ ไปยื่นหนังสือยืนยันสิทธิการชุมนุม ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ ไม่ออกมารับหนังสือด้วยตัวเอง และสั่งให้ร้อยเวรห้ามเซ็นรับหนังสือ ตัวแทนกลุ่มฯ จึงลงบันทึกประจำวันไว้ว่าได้มาส่งหนังสือ พร้อมทั้งได้ส่งหนังสือผ่าน sms ไปถึง ผกก. แล้วด้วย’>