หลังจากปักดำปล่อยน้ำในทุ่งนาทิ้งให้ข้าวต้นอ่อนตั้งหลักได้ สองสามีภรรยาแบกจอบขุดดินปิดกั้นคันนา เพื่อเก็บกักน้ำเข้าแปลงนา จู่ๆ เกิดเมฆมืดครึ้มพร้อมกับมีฟ้าพิโรธผ่าเปรี้ยงลงมากลางทุ่งนา โดนหัวสามีเต็มๆ ดับอนาถ ส่วนภรรยาแค่สลบรอดตายหวุดหวิด
รายนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 14 ก.ค.56 ร.ต.ท.ดิษฐ์วุฒิ พิทักษ์ราชพงษ์ ร้อยเวร สภ.เมืองบึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ รับแจ้งเหตุฟ้าผ่ามีผู้เสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนา ห่างจากโรงเรียนบ้านพันลำเจริญวิทยา หมู่ 2 ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ ประมาณ 1 กิโลเมตรจึงรุดไปชันสูตร พร้อมด้วย พ.ญ.อาสาฬห์ ประภาธรรม แพทย์เวร ร.พ.บึงกาฬ หน่วยกู้ภัยนทีธรรมบึงกาฬ ที่เกิดเหตุพบศพ นายหนูพร วิไลวงค์ อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 8 บ้านห้วยเซือมเหนือ ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ สภาพศพนอนหงายศีรษะพาดอยู่คันนา ส่วนลำตัวและขาอยู่ในแปลงนาข้าว เสื้อและกางเกงมีรอยไฟไหม้ขาดรุ่งริ่งกระจัดกระจายปลิวไปรอบๆ ศพในรัศมี 10 เมตร ลำตัวมีรอยไหม้เป็นแผลถลอกทั่วร่างกาย ศีรษะแม้จะเป็นคนหัวล้านแต่มีเส้นผมหงิกงอเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ส่วนขนเพชรโดนไฟไหม้ไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียว ที่ท้ายทอยมีบาดแผลฉกรรจ์กว้างและลึกประมาณ 1 นิ้ว มีเลือดไหลออกทางปาก จมูกและหู ที่ฝ่าเท้าด้านซ้ายมีรอยแผลแตกขนาดใหญ่ ใกล้ศพมีด้ามจอบเป็นไม้หักวางอยู่ ส่วนตัวจอบที่เป็นเหล็กหายไป นอกจากนี้ยังมีนาฬิกายี่ห้อไซโก้สายสแตนเลสส์ขาดตกอยู่ใกล้ๆและมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยทราบชื่อ นางดวงจันทร์ คำปัญญา อายุ 51 ปีภรรยา
จากการสอบถาม นางดวงจันทร์ภรรยาผู้ดวงดีรอดตายหวุดหวิดทราบว่า ขณะเกิดเหตุตนอยู่ห่างจากสามีประมาณ 30 เมตรและกำลังช่วยกันปิดกั้นทางน้ำที่ปล่อยทิ้งออกจากแปลงนาหลังจากดำนาเสร็จใหม่ๆ เพื่อให้ต้นข้าวอ่อนได้ตั้งลำ ขณะใช้จอบขุดดินปิดกั้นเพื่อกักเก็บน้ำ อยู่ๆ เกิดมีเมฆฝนตกลงมาปรอยๆ พร้อมกับมีฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา ตนตกจากคันนาล้มลงสลบไปชั่วขณะ พอฟื้นลึกขึ้นมาได้มองหาสามีเห็นนอนหงายอยู่คันนาเสื้อผ้าขาด จึงวิ่งไปดูพบกลายเป็นศพแล้ว เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ขณะเกิดฟ้าผ่าผู้ตายคงก้มหน้าใช้จอบขุดดิน จังหวะที่ยกจอบขึ้นทำให้ฟ้าผ่าลงมาโดนจอบที่เป็นเหล็กและเป็นสื่อล่อฟ้า กระแสไฟฟ้ากว่าแสนโวลต์ไหลผ่านร่างกายจนเกิดไฟลุกไม้ดับอนาถกลางทุ่งนาดังกล่าว.
นิธิศักดิ์ เศรษฐแสงศรี//บึงกาฬ 08-17687954 http://77.nationchannel.com/home/360112/
‘>