เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เวลา 11.00 น. พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.อารัก มะสาธานัง รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ และ พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สืบสวน ภ.จว.บึงกาฬ เดินทางลงพื้นที่ สภ.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ เพื่อติดตามการดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นที่ยกพวกเข้าไปทำร้ายคู่อริภายในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลปากคาด เมื่อกลางดึกของวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลกำลังจะช่วยเหลือคนไข้ ที่ได้รับบาดเจ็บมาจากเที่ยวดูงานคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นภายในงานบุญประเพณีแข่งเรือยาว ของเทศบาลอำเภอปากคาด แล้วนำคลิปไปโพสต์ลงโลกโซเชียล ซึ่งภาพเหตุการณ์ได้ถูกส่งต่อไปอย่างแพร่หลาย ทำให้ชาวโซเชียลได้วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ขอให้ตำรวจจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้เข็ดหลาบ
หลังจากใช้เวลาประชุมอยู่ 30 นาที สรุปผู้การตำรวจสั่งการให้พนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนนำตัว 2 วัยรุ่นที่เข้าไปทำร้ายคู่อริมาดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด และสอบสวนขยายผลไปหากลุ่มเพื่อนที่บุกไปโรงพยาบาลด้วยกัน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากมี นำมาดำเนินคดีให้หมด เพื่อให้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างแก่เยาวชนอีกต่อไป
หลังจากนั้นเดินทางไปประชุมปรึกษาหารือร่วมกับ นพ.จรูญ สุรารักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปากคาด และเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลปากคาด สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และดูภาพจากกล้องวงจรปิด อีกครั้งพร้อมกับชุดสอบสวนโดยใช้เวลากว่า 30 นาทีจึงให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ สาธารณสุขจังหวัด ให้ความสนใจในคดีดังกล่าวมากโดยมอบหมายให้ผมลงพื้นที่มาร่วมปรึกษาหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด จากการหารือกันได้พิจารณาแล้วว่าการกระทำของกลุ่มวัยรุ่น เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่สมควรที่จะเป็นแบบอย่าง ควรที่จะลงโทษให้สูงสุดในทุกข้อหา ซึ่งในขณะนี้พยานหลักฐานที่เรามีและปรากฏอยู่เราจะดำเนินคดี นอกจากข้อหาทำร้ายร่างกายที่ดำเนินการไปแล้ว จะเพิ่มข้อหา 1.ร่วมกันบุกรุก โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้มีผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ 2.ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนอีกคดีก่อความเดือดร้อนรำคาญ ก็ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีใครร่วมการกระทำความผิดเพื่อเติมนอกเหนือจาก 2 คนที่ปรากฏในข่าวทำร้ายร่างกาย
ส่วนมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ทางตำรวจได้ร่วมกับโรงพยาบาลวางแผนร่วมกัน ซึ่งจริงๆเป็นนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้วที่จะดูแลโรงพยาบาลหรือสถานที่ราชการอื่นๆ ในกรณีมีประชาชนมาก่อความวุ่นวาย ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานกับทางโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงนี้ที่จะมีเทศกาลสำคัญก็จะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประจำอยู่โรงพยาบาล และตรวจตราถี่ขึ้นใช้มาตรการที่เข็มข้นมากกว่าเดิม โดยจะออกเป็นแผนคำสั่งอย่างชัดเจนมอบให้กับทางโรงพยาบาลไว้ติดต่อประสานงานได้ตลอดเวลา ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ถือว่าตำรวจมาเร็วหลังจากรับแจ้งเพียง 2 นาทีก็มาถึงทำให้เหตุการณ์ไม่รุนแรงบานปลาย จึงอยากขอเตือนพี่น้องประชาชนหรือกลุ่มวัยรุ่นที่เมาแล้วคึกคะนองก่อเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกจะต้องถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ขอขอบคุณที่มาข่าว มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/region/news_1702796
‘>