ดีเอสไอ 7 ส.ค.- ดีเอสไอเผยผลตรวจพบการทุจริตจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชโรคยางพาราใน จ.บึงกาฬ ส่งผลให้รัฐเสียหายกว่า 48 ล้านบาท เตรียมส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ไต่สวนต่อ
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงผลการตรวจสอบคดีทุจริตจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชยางพาราใน จ.บึงกาฬ ซึ่งพบว่าระหว่างวันที่ 21-30 กันยายน 2555 จ.บึงกาฬได้รายงานเหตุด่วนการเกิดภัยพิบัติโรคยางพาราใน 8 อำเภอและประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินกรณีโรคระบาดยางพาราเพื่อใช้งบประมาณกรณีภัยพิบัติฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ซึ่งไม่มีมูลความจริง เนื่องจากศูนย์วิจัยยางพาราหนองคาย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการค้นคว้า วิจัยและพัฒนายางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด รวมทั้ง จ.บึงกาฬ ยืนยันว่าไม่ได้รับรายงานจากหน่วยงานใดว่าเกิดโรคระบาดยางพาราในพื้นที่ จ.บึงกาฬ การประกาศเขตภัยพิบัติจึงเป็นออกประกาศโดยมิชอบเพราะไม่มีภัยพิบัติโรคยางพาราขึ้นจริง การประกาศเขตภัยพิบัติของ จ.บึงกาฬเป็นขั้นตอนหนึ่งของขบวนการฉ้อโกงและทุจริตใช้งบประมาณจากงบภัยพิบัติฉุกเฉิน ซึ่งกระทำการเป็นขบวนการใหญ่ มีข้าราชการระดับสูงเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะที่ จ.บึงกาฬ ทุกอำเภอ มีห้างหุ้นส่วนจำกัดรับทรัพย์รุ่งเรืองกับห้างหุ้นส่วนจำกัดนำทรัพย์เจริญเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐส่อในการสมรู้ร่วมคิด ให้ความช่วยเหลือกับกลุ่มข้าราชการดังกล่าว ส่งผลให้รัฐเสียหายกว่า 48 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอจะส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไต่สวนต่อไป
รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอยังตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อ พบว่า ดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงการคลัง โดยกำหนดราคากลางจัดซื้อสารเคมีเบโนมิลร้อยละ 50 ขนาด 500 กรัม แพงกว่าราคาจริงถึง 4 เท่า โดยราคาในท้องตลาดเพียง 400-600 บาท แต่คณะกรรมการกำหนดราคากลาง กำหนดราคาไว้ถึง 1,920 บาท การจัดซื้อจำนวน 25,371 กล่อง ใช้งบประมาณกว่า 48 ล้านบาท จากการสุ่มตรวจผลการแจกจ่ายสารเคมีให้กับชาวบ้าน พบว่าสารเคมีที่ได้รับไปไม่ปรากฏว่ามีส่วนผสมของสารเคมีเบโนมิล 50% แต่อย่างใด จึงเข้าข่ายเป็นสารเคมีปลอมด้วย.-สำนักข่าวไทย’>