ที่ห้องประชุมมังกรทอง โรงแรมเดอะวัน อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ เมื่อวันที่ 8 กันยายน นายเลอเกียรติ แก้วศรีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายนิพนธ์ คนขยัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานแข่งขันเรือยาวประเพณีไทย – ลาว ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 14 ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน 2556 นี้ ณ บริเวณริมแม่น้ำโขงหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ โดยความร่วมมือของจังหวัดบึงกาฬร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ เทศบาลตำบลบึงกาฬ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานอุดรธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของชาวอีสาน สานสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย – สปป.ลาว และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้คนทั่วไปได้รู้จักจังหวัดบึงกาฬ
นายนิพนธ์ คนขยัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า การจัดงานแข่งเรือยาวประเพณีไทย-ลาว ในปีนี้ประกอบไปด้วยการแข่งขัน 3 ประเภทด้วยกันคือ เรือยาวใหญ่ประเภททั่วไป 50-55 ฝีพาย
– ชนะเลิศถ้วยพระราชทานฯ และเงินรางวัล 300,000 บาท
– รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 200,000 บาท พร้อมถ้วยเกียติยศ
– รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมถ้วยเกียติยศ
– รองชนะเลิศอันดับ 3 เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมถ้วยเกียติยศ
เรือยาวใหญ่ประเภทภายในจังหวัดบึงกาฬ 50-55 ฝีพาย
– ชนะเลิศถ้วยพระราชทานฯ เงินรางวัล 200,000 บาท
– รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ
– รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 70,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ
– รองชนะเลิศอันดับ 3 เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ
เรือยาวเล็กประเภทภายในจังหวัดบึงกาฬและแขวงบอลิคำไซ 20-25 ฝีพาย
– ชนะเลิศถ้วยพระราชทานฯ เงินรางวัล 50,000 บาท
– รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ
– รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ
– รองชนะเลิศอันดับ 3 เงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ
และคู่พิเศษไทย-ลาว มี 1 รางวัล
– ชนะเลิศ เงินรางวัล 10,000 บาท
นายเลอเกียรติ แก้วศรีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวเสริมว่า การแข่งขันเรือยาวในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากฝีพายจากทั่วประเทศ เพราะสนามนี้มีการชิงเงินรางวัลสูงสุดถึง 300,000 บาท ถือได้ว่ามากที่สุดของประเทศก็ว่าได้ นอกจากนี้จะได้ชมความสามารถของฝีพายแต่ละลำแล้ว ภายในงานยังจะได้รับความสนุกสนานจากกองเชียร์ของเรือแต่ละลำพร้อมทั้งได้เห็นถึงพลังความสามัคคีของฝีพายรวมไปถึงสายสัมพันธ์อันดีระหว่างสองฝั่งโขงของประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อีกด้วย’>