ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 กัน
ยายน เวลา 20.00 น. พล.ต.ต.โชติ ไทยยิ่ง ผบก.ตชด.ภาค 2 ได้รับแจ้งจากสายลับว่า ช่วงเวลาประมาณ 22.00-23.30 น. จะมีกลุ่มผู้กระทำความผิดกฎหมายลำเลี่ยงสิ่งผิดกฎหมาย จาก อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬไปยัง จ.สกลนคร จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.สมบัติ บุญโสภา ผกก.ตชด.24 พ.ต.ท.สุชาติ บุปปาจันโท ผบ.ร้อย.ตชด.244 ร.ต.ท.ประดุง วงชารี รอง ผบ.ร้อย ตชด.244/หน.ชปข.ตชด.244 พร้อมด้วย ร.ต.ต.สกล สิงห์ลี ผบ.มว.ตชด.2443 ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณหน้า มว.ตชด.2443 ต.ชัยพร อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ตั้งแต่เวลา 22.00 น.
ต่อมาเวลา 23.00 น. มีรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีบร์อนซเงิน ไม่ติดหมายเลขทะเบียน วิ่งมาด้วยความเร็วสูง จาก อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ มุ่งหน้าเข้าตัว อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและส่งสัญญาณให้รถยนต์คันดังกล่าวหยุดเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมหยุดและได้เร่งเครื่องยนต์หลบหนี เจ้าหน้าที่ขับรถยนต์ไล่ติดตาม และได้ประสาน พ.ต.ท.อัศรายุทธ ทองลอง สว.ส.รน.7. บึงกาฬ และ พ.ต.ท.วันชัย วงษ์ขาว สว.สส.สภ.พรเจริญ พ.ต.บุญรุ่ง สุทธิสุวรรณ ผบ.ร้อย ท.พ.2103 ร.อ.กล้า ชัยวงษ์ ผบ.ร้อย ท.พ.2109 , ร.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี รอง สว.ส.รน. 7 บึงกาฬ ให้ช่วยกันสกัดรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว
รถยนต์ต้องสงสัยได้เลี้ยวบริเวณแยก ต.ชัยพร มุ่งหน้าไป อ.พรเจริญ จึงประสานให้ สภ.พรเจริญ ตั้งจุดตรวจจุดสกัด แต่ก็ไม่พบรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว กระทั่งเวลาประมาณ 04.30 น.เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นรถยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ รุ่น และสี ขับออกมาจากถนนลูกรังบ้านปรารถนาดี ต.ป่าแฝด อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ จึงได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณถนนลูกรังบ้านปรารถดี ห่างจากถนนทางหลวงประมาณ 300 เมตร พบกระสอบปุ๋ยมีพลาสติกสีดำหุ้มด้านนอก 9 กระสอบ วางอยู่บริเวณริมถนน จึงได้แกะออกมาเพื่อตรวจสอบปรากฎพบกัญชาอัดแท่ง ลักษณะทรงสี่เหลี่ยมบรรจุอยู่ในกระดาษฟร์อยสีเงิน จำนวน 294 แท่ง น้ำหนักประมาณ 294 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงพยายามติดตามและสกัดจับรถยนต์คันดังกล่าวตามเส้นทางต่างๆ ที่คาดว่าน่าจะหลบหนี แต่ไม่พบแต่อย่างใด จึงได้ดำเนินการตรวจยึดกัญชาดังกล่าวข้างต้น นำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.พรเจริญ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.สมบัติ บุญโสภา ผกก.ตชด.24 กล่าวว่า จากการสังเกตการแพ็คเกจกิ้งของกลางในครั้งนี้ พบเป็นการห่อหุ้มด้วยกระดาษฟร์อยสีเงินอย่างดี และยังพันด้วยเทปกาวสีใสให้แน่นหนา จากที่เคยเห็นมา ลักษณะอย่างนี้เป็นการส่งไปขายยังประเทศที่ 3 ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งไปยังประเทศมาเลเชียผ่านชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีมูลค่าส่งออกกว่า 8,800,000 บาท’>