กิจกรรม “ไบค์ ฟอร์ มัม” ปั่นเพื่อแม่ ผ่านพ้นไปด้วยความสำเร็จอย่างงดงาม นอกจากจะเป็นการสร้างสถิติที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกในประวัติศาสตร์ของการปั่นจักรยานแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงพลังมหาศาลของชาวไทยที่แสดงออกเพื่อแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ขณะเดียวกัน กิจกรรมครั้งนี้ก็ทำให้ทราบถึงกระแสการปั่นจักรยานในบ้านเราว่าได้รับความนิยมอย่างมาก อีกทั้งรัฐบาลและภาคีที่เกี่ยวข้องก็เกิดความตื่นตัว สนับสนุนให้มีการจัดทำเส้นทางจักรยานกระจายตัวในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ควบคู่การจัดแข่งขันที่มีขึ้นเกือบทุกสัปดาห์
นอกจากกระแสนิยมแล้ว ในมิติทางด้านการท่องเที่ยว จักรยานเป็นพาหนะอเนกประสงค์ที่ถูกนำมาใช้งานอย่างหลากหลาย เช่น จักรยาน ทัวริง เดินทางไปทั่วโลกโดยนักท่องเที่ยวต่างเชื้อชาติมากมาย จักรยานเมาเทนไบค์ นำพานักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติป่าเขาทุรกันดาร และจักรยานซิตีไบค์ต่างชนิด ก็นำพานักท่องเที่ยวไปซิตีทัวร์ ชมเมือง ชมแหล่งโบราณสถาน เข้าตรอก เข้าซอย ชมวิถีชุมชน ชิมไปทุกไร่ อิ่มไปทุกสวน ในมิติของการรักษาสิ่งแวดล้อม จักรยานคือสัญลักษณ์แห่งความประหยัด คุ้มค่า และพอเพียง ลดการใช้จ่าย ลดการใช้พลังงาน ลดมลภาวะและสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย
ด้วยเหตุนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงนำเรื่องของจักรยานมาเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว โดยแต่ละภูมิภาคได้จัดเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับนักปั่นและจัดกิจกรรมไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่นิยมการปั่นไว้อย่างหลากหลาย รวมทั้งภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย
สมฤดี จิตรจง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท. เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 กันยายน 2558 นี้ ททท.ร่วมกับจังหวัดบึงกาฬ จะจัดกิจกรรมปั่นจักรยานภายใต้ชื่อ “Tour Of Isan บึงกาฬ เส้นทางอัศจรรย์วิถีธรรมชาติ” ซึ่งเป็น 1 ใน 5 เส้นทางสำหรับประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวภาคอีสาน โดยกิจกรรมปั่นจักรยานที่บึงกาฬ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากการปั่นในเส้นทางแรกที่จังหวัดเลย ที่จัดไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
สำหรับกลุ่มเป้าหมายในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ผอ.สมฤดีบอกว่า มุ่งเน้นผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย รักษาสิ่งแวดล้อม เพราะจักรยานเป็นพาหนะที่ไม่มีควันพิษและสิ่งตกค้าง อื่นๆ จึงไม่สร้างมลภาวะและไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ส่งเสียงดัง มีระบบกลไกที่ไม่ซับซ้อน และเข้าถึงได้แทบทุกสภาพพื้นที่โดยไม่ต้องการเชื้อเพลิง ผู้ปั่นยังได้สัมผัสบรรยากาศสองข้างทางอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง สดชื่น และแจ่มใสไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับนโยบาย 7 Greens ของ ททท.อีกด้วย
ทั้งนี้ มีเส้นทางการปั่นให้เลือกถึง 2 เส้นทางด้วยกัน ได้แก่ เส้นทางวิบากสำหรับจักรยานเสือภูเขา เริ่มต้นจากศาลากลางจังหวัดบึงกาฬไปยังภูสิงห์ ระยะทางประมาณ 56 กิโลเมตร และเส้นทางระยะไกลทางเรียบสำหรับจักรยานเสือหมอบ เริ่มต้นจากศาลากลางจังหวัดบึงกาฬไปยังภูทอก ระยะประมาณ 95 กิโลเมตร
ผอ.สมฤดีกล่าวต่อว่า กิจกรรมครั้งนี้มุ่งส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศที่สนใจการขี่จักรยานได้มาสัมผัสความอัศจรรย์ของแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดบึงกาฬ และพื้นที่ต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน ซึ่งถือเป็น “แหล่งเรียนรู้ อู่อารยธรรม” รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม งานประเพณี วิถีชีวิตของจังหวัดบึงกาฬ และภาคอีสาน ผ่านทาง โซเชียลมีเดียให้คนทั่วไปได้รับทราบ ตลอดจนเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมหรือต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวอีกด้วยอาทิ ให้บริการอาหารหรือขนมท้องถิ่น เช่น ข้าวต้มมัดเป็นต้น
“กลยุทธ์ของ ททท.อีสานนี้ ต้องการมุ่งเน้นการกระตุ้นกิจกรรมการใช้จักรยานให้เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระแสนิยมอย่างกว้างขวางและมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เป็นการเปิดมิติใหม่ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้ระหว่างนักผจญภัยในฐานะทูตวัฒนธรรมกับชาวบ้าน เพื่อส่งเสริมให้พวกเขาพัฒนาการท่องเที่ยวของบึงกาฬให้เป็นรูปแบบยั่งยืนในอนาคต”
สำหรับผู้ที่มาร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน ระหว่างทางยังจะได้พบเส้นทางท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ของจังหวัดบึงกาฬ นั่นคือ “ภูทอก” โดย ผอ.ททท.ภูมิภาคภาคอีสาน ได้เล่าประวัติความเป็นมาของภูทอกให้ฟังว่า “ภูทอก” เป็นภาษาอีสาน แปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว เป็นที่ตั้งของวัด เจติยาคีรีวิหาร หรือวัดภูทอก อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล ประกอบด้วยภูทอกใหญ่และภูทอกน้อย ส่วนที่นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมได้คือภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดโอกาสให้ไปชมได้ตามปกติ
ในอดีตอาณาบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย ต่อมาพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียรให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบ เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณธรรมของภิกษุ-สามเณร และพุทธศาสนิกชนทั่วไป
ในเวลาต่อมา ก่อนที่พระอาจารย์จวนจะละสังขาร ได้เล็งเห็นการณ์ไกลที่จะช่วยเหลือชาวบ้านแถวนี้ให้มีรายได้อย่างยั่งยืนและถาวร เป็นการตอบแทนบุญคุณญาติโยมที่มีอุปการะ จึงได้ริเริ่มจัดสร้างสะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบๆ ภูทอก เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธรักษ์ คือการท่องเที่ยวในเชิงการแสวงบุญหรือธรรมจาริก ซึ่งที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เปิดมุมมองใหม่ผ่านการเที่ยวชมธรรมชาติคือขุนเขาลำเนาไพร และได้ศึกษาพุทธศาสนา ขณะที่ชาวบ้านจะได้ประโยชน์จากการจำหน่ายสินค้าและธุรกิจร้านอาหาร
อีกจุดหนึ่งในเส้นทางการปั่นคือ “ภูสิงห์” ผอ.สมฤดีเล่าว่า เป็นพื้นที่อนุรักษ์อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู เนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายทอดตัวไปตามทิศเหนือ-ใต้ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอศรีวิไลกับอำเภอเมืองบึงกาฬ มีทรัพยากรป่าไม้ที่คงสภาพสมบูรณ์ ภูเขาหินทรายบนภูสิงห์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาของเปลือกโลกในลักษณะต่างๆ เกิดการเรียงตัวของก้อนหิน เป็นหน้าผา ถ้ำ กลุ่มหินรูปทรงต่างๆ เป็นลานหินกระจายทั่วภูสิงห์ ทำให้เกิดความงามตามธรรมชาติลักษณะต่างกัน
บนภูสิงห์ยังเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกในภูเดียวได้ เหมาะสมกับการเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติและท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจสำหรับนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป จังหวัดบึงกาฬและกรมป่าไม้จึงได้พัฒนาพื้นที่ภูสิงห์เพื่อให้เกิดความยั่งยืนตามหลักอนุรักษ์
ผอ.สมฤดีกล่าวต่อว่า นักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมปั่นจักรยานในกิจกรรมครั้งนี้ ยังสามารถแวะในแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงในภูมิภาคนี้ได้หลายจุด ซึ่งสถานที่แต่ละแห่งมีความหลากหลาย น่าสนใจ ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ มีแหล่งโบราณคดีจำนวนมาก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและการเกษตร ชุมชนดีเด่นด้านการท่องเที่ยวที่ดำเนินงานตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“จักรยานคือเทรนด์ใหม่สำหรับชาวไทยที่ผสมผสานกับการท่องเที่ยวในมิติต่างๆ ได้อย่างลงตัว และขอเชิญชวนบรรดาคนรักการปั่นมาร่วมสนุกกับกิจกรรมครั้งนี้เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมกัน รับรองว่าไม่ผิดหวัง” ผอ.สมฤดีกล่าวเชิญชวนทิ้งท้าย
Jersey Tour of Isan Buengkan Classic ของรางวัลสำหรับทุกท่านที่ส
*** เส้นทางวิบาก 50 กิโลเมตร
*** หรือเส้นทางเรียบ 100 กิโลเมตร
ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ จุดรวมพล และเส้นชัยในการแข่งขัน Tour of Isan บึงกาฬ คลาสสิก ในครั้งนี้
ห้วยบังบาตร หนึ่งในทัศนียภาพริมเส้นทางปั่นจักรยาน Tour of Isan บึงกาฬ คลาสสิคในครั้งนี้
จุดนี้เมื่อมองผ่านผืนน้ำที่สะท้อนภาพท้องฟ้าสีสดใสออกไปจะสามารถเห็น หินรถไฟ บนภูสิงห์ได้อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัครร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน “Tour Of Isan บึงกาฬ เส้นทางอัศจรรย์วิถีธรรมชาติ” ได้ทางช่องทางออนไลน์ และตรวจสอบรายชื่อผ่าน www.เที่ยวอีสาน.com คลิกที่บึงกาฬคลาสสิก หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2640-6270, 0-2247-3796, 09-5874-5428 Email: isanbike@gmail.com LINE ID: isanbike หรือ โทร.1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย
สรณะ รายงาน
นายณชนก ชาญชัย ถ่ายภาพ ที่มา’>