วันนี้ 25 ธ.ค.58 เวลา 07.00 น.นายชัยธวัช เนียมศิริ รอง ผวจ.บึงกาฬ พ.อ.วิชัย มารศรี รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดบึงกาฬ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยทหารรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดบึงกาฬ ทหารพรานที่ 2103 และ 2105 ตำรวจ ตชด.244 กองร้อยควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ อาสาสมัครตำรวจชุมชน(หญิง) ตำรวจ ปทส.บึงกาฬ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อส. และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกรมป่าไม้ สนธิกำลังกว่า 1,000 นายเข้าปฎิบัติการทวงคืนผืนป่าในพื้นที่เป้าหมายตามค่ำสั่งยุทธการที่ 1 (พิทักษ์ป่ากะลา ภูสิงห์)ซึ่งเป็นพื้นที่ติดเชิงเขาภูสิงห์ หลังมีผู้มีอิทธิผลบุกรุกเข้าไปปลูกต้นยางพารากว่า 230 ไร่ประมาณ 17,480 ต้น
นายชัยธวัช เนียมศิริ รอง ผวจ.บึงกาฬ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 พ.ย.58 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปทวงคืนผืนป่าบริเวณดังกล่าวแล้วแต่ได้รับการต่อต้านจากกลุ่มผู้ที่เสียผลประโยชน์นำโดยพระอาจารย์โกวิญ กันตธัมโม(หลวงตาน้อย)เจ้าอาวาสวัดป่าสิงหนาทบรรพต(วัดภูงาม)ต.ชัยพร อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ พร้อมด้วยชาวบ้านอีก 5-60 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบุคคลที่มาจากพื้นที่อื่น ได้โห่ร้อง เข้าทำการขัดขวางการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และยังมีการนำรถแทรกเตอร์ รถยนต์ มาปิดเส้นทางเข้า-ออก จนเจ้าหน้าที่ต้องได้ถอนกำลังกลับมา สำหรับการปฎิบัติงานวันนี้เป็นการทำงานตามนโยบายของรัฐบาลและ คสช. เป็นการทำงานที่มีการบรูณาการกันระหว่าง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ทำการตรวจยึดไว้แล้วได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ พื้นที่ทั้งหมดที่เราจะเข้าปฎิบัติการทั้งหมดมีประมาณ 230 ไร่โดยจะตัดฟันตามระเบียบของกรมป่าไม้คือต้นยางพาราอายุ 1-4 ปีต้องตัดทั้งหมด ยางพาราอายุ 4-20 ปีก็ตัด 2 แถวเว้น 1 แถว ซึ่งวันนี้ทางจังหวัดบึงกาฬได้วางกำลังไว้ถึง 4 จุดโดยจุดแรกเป็นหน่วยสกัดกั้น ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อยับยั้งกลุ่มมวลชนที่จะมาต่อต้านมีกำลังจาก ตำรวจ ทหารพราน อส.กว่า 160 นายคอยดูแล จุดที่ 2 หน่วยรักษาความปลอดภัยมีเจ้าหน้าที่จากกองร้อยควบคุมฝูงชนกว่า 200 นายกองร้อยน้ำหวานอีก 300 นายที่จะคอยรับมือกลุ่มผู้มีอิทธิพลหากผ่านเข้ามาก็สามารถจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายได้ จุดที่ 3 เป็นหน่วยคุมกันหน่วยปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โดยมีกองกำลังทหารรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดบึงกาฬกว่า 100 นายพร้อมอาวุธครบมือคอยอารักขา จุดที่ 4 จุดสุดท้ายเป็นการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ที่จะต้องตัดต้นยางพารา โดยมีกำลังจากป่าไม้บึงกาฬกว่า 80 นาย ซึ่งการปฎิบัติงานในวันนี้ยังไม่มีการต่อต้านเพราะว่าทางจังหวัดได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องมาหลายรอบแล้ว รวมทั้งที่ผ่านมาได้มีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองได้เข้ามาช่วยพูดจาให้อธิบายข้อเท็จจริงว่าการดำเนินตามกฎหมายนั้นมีขั้นตอนการปฎิบัติอย่างไร ขอยืนยั่นว่าทางจังหวัดบึงกาฬทำตามกฏหมายทุกประการและไม่มีการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่อย่างแน่นอน