ตชด.บึงกาฬ ดักซุ่มจับแก๊งลักลอบขนกัญชา นัดส่งของสวนปาล์ม รวบหนุ่มลาวได้ 1 คน ขณะอีก 2 คน หลบหนีไปได้ ยึดของกลาง 300 โล มูลค่า 6 ล้านบาท จ่อส่ง “เจ๊ขวัญ” นักค้ายาเสพติดชาวสตูล เร่งขยายผลล่าขบวนการ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ก.พ. 59 ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 244 อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ พ.อ.วิชัย มารศรี รองผอ.กอ.รมน.จ.บึงกาฬ พ.ต.อ.สมเจตน์ กาบคำ รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ และ นางภวรัญธน์ ต้นมีศิลป์ นายด่านศุลกากรบึงกาฬ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม ท้าวคำเพียง ไซยะแสง อายุ 36 ปี ราษฎรบ้านหางซิง เมืองท่าพระบาท แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว พร้อมของกลางกัญชาแห้ง 300 แท่ง น้ำหนัก 300 กิโลกรัม มูลค่า 6 ล้านบาท ขณะขนมาส่งให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดชาวไทย ในสวนปาล์มริมถนนสาย 212 บึงกาฬ-หนองคาย ท้ายหมู่บ้านดอนยม ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ
ทั้งนี้ เมื่อคืนผ่านมา พ.ต.อ.สมบัติ บุญโสภา ผกก.ตชด.24 สืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดลำเลียงกัญชาแห้งมาส่งให้กับพ่อค้าชาวไทย บริเวณสวนปาล์มดังกล่าว จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.อนุรักษ์ เสนามาตย์ ผบ.ร้อย ตชด.244 ร.ต.อ.รามสูรย์ บุญข่าย รอง ผบ.ร้อย ตชด.244 สนธิกำลังกับ ร.ท.วิทยา สิงห์อร ผบ.ร้อย ทพ.2103 ร.ต.อ.ศิโรดม สนุ่นดี รอง สว.ตำรวจน้ำบึงกาฬ ศรภ.บก.กองทัพไทย เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. และ ป.ป.ส.ภาค 4 ดักซุ่มเพื่อจับกุม
กระทั่งพบรถกระบะมาสด้า บีที 50 ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับเข้ามาจอดในสวนปาล์ม จากนั้นชาย 2 คน ที่นั่งมาด้านหลังกระบะ โยนกระสอบลงพื้น เจ้าหน้าที่จึงเข้าแสดงตัวจับกุม ซึ่งคนขับรถปิกอัพที่ติดเครื่องยนต์รออยู่ได้ขับหนีไปอย่างรวดเร็ว จึงสามารถจับกุมได้เพียง ท้าวคำเพียง ส่วนชายชาวลาวอีกคนวิ่งหลบหนีฝ่าความมืดรอดไปได้ ตรวจยึดกัญชาแห้ง 8 กระสอบ จำนวน 300 แท่ง
จากการสอบสวน ท้าวคำเพียง ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากท้าวสัน ราษฎรบ้านหางซิง เมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว เป็นเงิน 40,000 บาท ให้ขนยาบ้ามาส่งที่สวนปาล์ม จึงร่วมกับ ท้าวคำหอม ขนกัญชามาส่ง จนถูกจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเป็นคนต่างด้าว (ลาว) ลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า กัญชาจำนวนดังกล่าวเป็นของ ท้าวคำ สะเลิมซัย ชาวลาว เพื่อลำเลียงไปส่งทางภาคใต้ให้ “เจ๊ขวัญ” นักค้ายาเสพติดชาวสตูล ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามพฤติการณ์มานาน จึงสามารถจับกุมได้ ส่วนรถกระบะของกลางเจ้าหน้าที่ทราบแล้วเป็นของใคร และจะออกหมายเรียกเพื่อสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป