วันที่ 19 ตุลาคม 2563 เวลา 13.30 น. ณ อาคารสโมสรสัญญาบัตร กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (บก.นรข.) เขตเทศบาลเมืองนครพนม พล.ร.ต.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผบ.นรข.ฯ แถลงข่าวร่วมกับ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ รอง ผวจ.บึงกาฬ พล.ต.ต.สมศักดิ์ คงไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.หญิง จิรนันท์ ธนะสิงห์ ผกก.พิสูจน์หลักฐานฯนครพนม พ.ต.ท.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา รอง ผกก.สส.สภ.บึงกาฬ รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เหล่าหลวง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ พ.ต.ท.พลสันต์ คมขาว ผบ.ร้อย ตชด.244 และร้อย.ทพ.(ทหารพราน) ที่ 2210
สืบเนื่องจาก วันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. น.อ.สุรศักดิ์ สุวรรณเกษา ผบ.นรข.เขตนครพนม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ร.ต.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผบ.นรข. และ พล.ต.บุญสิน พาดกลาง ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี สั่งการให้ น.อ.อมรศักดิ์ ชนะศึก หัวหน้ายุทธการและการข่าวฯ น.ท.วิระวุฒิ บุญจันทร์ หน.สน.เรือบ้านแพง เข้าดำเนินการต่อเป้าหมายยาเสพติด ตามที่ได้รับแจ้งจากสายข่าว ว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติด ผ่านเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ โดยคนร้ายจะใช้ถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 212 (บึงกาฬ-นครพนม) จากเขตอำเภอบุ่งคล้าไปทางอำเภอบึงโขงหลง จ.บึงกาฬ หรืออาจจะไปเข้าเขตอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม จึงจัดรถยนต์ดักซุ่ม 2 ชุด ชุดแรกบริเวณริมถนนใกล้สะพานห้วยก้านเหลือง ซึ่งเป็นเขตติดต่อระหว่างอำเภอบุ่งคล้าและบึงโขงหลง ขณะที่อีกชุดดักซุ่มอยู่หน้าวัดศรีสว่างวราราม บ้านโนนสา หมู่ 5 ต.ท่าดอกคำ
กระทั่งเวลา 19.25 น. สายลับแจ้งว่าพบรถยนต์ต้องสงสัย ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ วีโก้ ตอนเดียว สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ติดหลังคาตู้ทึบคล้ายรถยนต์วิ่งส่งของทั่วไป แล่นฝ่าสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาเป็นระยะ ๆ เข้ามาในพื้นที่บ้านท่าศิริขันธ์ หมู่ 7 ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า กำลังชุดแรกจึงขับรถไล่ตาม พร้อมแจ้งให้ชุดที่สองทราบเพื่อเข้าสกัดกั้น ปรากฏว่ารถยนต์ต้องสงสัยรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่ติดตาม จึงเร่งความเร็วเพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่ชูดสองจึงใช้อาวุธปืนยิงที่ล้อหลังทั้งด้านซ้ายขวา แต่คนร้ายยังขับรถต่อไปได้อีกประมาณ 2 กิโลเมตร จนลมยางหมดไปต่อไม่ได้ คนร้ายหยุดรถเปิดประตูด้านคนขับวิ่งหลบหนีไปกับความมืด เจ้าหน้าจึงเข้าทำการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว พบมีกระสอบสีดำวางอยู่ในตู้ทึบ จำนวน 14 กระสอบ เปิดดูพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)
โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ยาบ้ายี่ห้อ 999 สีน้ำเงิน 340 มัด จำนวนยาบ้า 3,400,000 เม็ด ยาบ้ายี่ห้อ 999 สีแดง จำนวน 178 มัด จำนวนยาบ้า 1,780,000 เม็ด และยาบ้ายี่ห้อ Y1 จำนวน 66 มัดใหญ่ 1 มัดเล็ก จำนวนยาบ้า 400,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 5,580,000 เม็ด ก่อนนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เหล่าหลวง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เปิดเผยว่ายาบ้าที่ตรวจยึดได้ครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 ผู้ผลิต ซึ่งเป็นพวกชนกลุ่มน้อยจากประเทศเพื่อนบ้านแยกตัวมาจากต้นตำรับผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่ของโลก ได้แก่ เลข 999 สีแดง และเลข 999 สีน้ำเงิน ของกลุ่มว้าแดงเหนือ ตัวยาจะมีความเข้มข้นสูง ส่วนอักษร Y1 เป็นกลุ่มว้าแดงใต้ ชนิดนี้จัดอยู่ในเกรดต่ำ เพราะมีส่วนผสมน้อยกว่าสองตัวแรก ราคาต้นทุนการผลิตเม็ดหนึ่งไม่เกิน 1 บาท ส่งขายนายทุนในราคาเม็ดละ 10-20 บาท หากนำมาซอยขายผู้เสพรายย่อยในตะเข็บชายแดน ตกราคาเม็ดละ 50-80 บาท ถ้าเข้าไปสู่พื้นที่ชั้นในจะมีราคาเม็ดละ 100-120 บาท ฉะนั้น ยาบ้าล็อตนี้มีจำนวน 5,580,000 เม็ด คิดราคาซื้อขายริมฝั่งแม่น้ำโขงเม็ดละ 50 บาท นายทุนยาเสพติดสูญเสียเงินไปประมาณ 279,000,000 บาท
พล.ร.ต.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผบ.นรข. เปิดเผยว่าขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ หลังเบนเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดจามพื้นที่ภาคเหนือมาเป็นพื้นที่ภาคอีสาน ก็จะขนยาเสพติดที่ตกค้างส่งให้นายทุน โดยลำเลียงมาพร้อมกับยาไอซ์ เฮโรอีน กัญชา ที่ หน่วยงานความมั่นคงตรวจยึดจับกุมได้ในหลายพื้นที่ของจังหวัดชายแดนแม่น้ำโขง สำหรับยาบ้าล็อตนี้กลุ่มค้ายาเสพติด อาศัยช่วงที่มีดีเปรสชั่นพัดผ่านประเทศไทย ทำให้มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน คิดว่าหน่วยงานความมั่นคงจะหย่อนความสามารถ ไม่ออกมาลาดตระเวนเหมือนปกติ จึงสั่งลำเลียงยาบ้าเข้ามาในราชอาณาจักร