ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี พร้อม ผบ.ฉก.ทพ.22 ร่วม ผู้การตำรวจบึงกาฬ ,ผอ.ปปส.ภาค 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวตรวจยึดโคเคน 12.160 กิโลกรัม และ ยึดกัญชา 570 กิโลกรัม มูลค่า 127 ล้านบาท เผยโคเคนเตรียมส่งขายอิสราเอล และ ออสเตรเลีย
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2563 เวลา 19.00 น. กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดย พ.อ.พิทักษ์พล ชูศรี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 (หน่วยปกติกรมทหารพรานที่ 22) ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนสินค้าหลบเลี่ยงภาษีอากรจากประเทศเพื่อนบ้านมายังฝั่งไทย บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งพังริมแม่น้ำโขง ท้ายบ้านศิวิไล หมู่ 5 ตำบลนากั้ง อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พล.ต.บุญสิน พาดกลาง ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี แล้วสั่งการให้ ร.อ.แก้ว งามเลิศ ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2106 บูรณาการร่วมกับ ร้อย ฉก.ทพ.2105,ร้อย ฉก.ทพ.2107 ,พ.ต.ท.ทรงยศ หินนนท์ รอง ผกก.สส.สภ.ปากคาด, ร.ต.อ.ชัยธวัช ชมภูราช รอง สว.สส.สภ.ปากคาด พร้อมชุดสืบสวน สภ.ปากคาด ,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอปากคาด ร่วมกันวางกำลังพื้นที่เป้าหมาย ตั้งแต่บ้านต้าย ถึง บ้านศิวิไล หมู่ 5 ตำบลนากั้ง อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ
ต่อมาเวลา 22.00 น. ได้ยินเสียงเรือกีบเพลายาวแล่นเข้ามาแล้วดับเครื่องเพื่อให้เรือไหลเข้ามาในพื้นที่เป้าหมาย จากการสังเกตของเจ้าหน้าที่คาดว่ามีผู้โดยสารมาในเรือจำนวน 2 คน รวมคนขับเรือเป็น 3 คน เมื่อเรือเข้าจอดเทียบชายฝั่ง ชายที่โดยสารมาในเรือได้ยกวัตถุสีดำขนาดใหญ่ขึ้นจากเรือและขนย้ายมาไว้บริเวณสันเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง ซุกซ่อนไว้ตามโพรงหญ้า จำนวน 5 ห่อ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อทำการตรวจสอบแต่ชายทั้งสองคนได้อาศัยความมืดและความชำนาญในพื้นที่วิ่งหลบหนีไป ส่วนชายที่อยู่ในเรือได้สตาร์ทเรือและขับออกไปยังฝั่ง สปป.ลาว อย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่และพบวัตถุสีดำ จำนวน 5 ห่อ ด้านในเป็นผลิตภัณฑ์ผ้าไหม จำนวน 2 ห่อ และ กระเป๋านักเรียนชนิดสะพายหลัง จำนวน 3 ห่อ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าบริเวณคอปกและตะเข็บชายเสื้อผ้าไหมมีลักษณะหนาและลื่นเหมือนมีวัตถุบางอย่างซุกซ่อนมาด้วย จึงใช้มีดกรีดบริเวณคอปกเสื้อและตะเข็บชายเสื้อผ้าไหมเพื่อทำการตรวจสอบ พบด้านในมีถุงพลาสติกใส แบบเรียบแบนสีขาว กว้าง 6 เชนติเมตร ยาวประมาณ 120 เซนติเมตร ด้านในถุงพลาสติกบรรจุผงสีขาว และทำการตรวจสอบกระเป๋านักเรียนชนิดสะพายหลังพบว่าบริเวณสายสะพายมีความผิดปกติ จึงใช้มีดกรีดพบว่ามีถุงพลาสติกใสแบบเรียบแบนอยู่ด้านในของสายสะพายทั้งสองข้าง กว้าง 6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 25 เซนติเมตร ด้านในบรรจุผงสีขาวเช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่จึงวางสิ่งของไว้ตามเดิม และทำการดักซุ่มเพื่อรอคนมารับ กระทั่งเวลา 05.00 น.ก็ไม่มีใครเข้ามารับสิ่งของดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงร่วมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดมาไว้ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2106 และทำการตรวจสอบโดยละเอียด
1.การตรวจสอบเสื้อ (ผ้าไหม) จำนวน 2 ถุง ถุงที่ 1 จำนวน 39 ตัว ถุงที่ 2 จำนวน 9 ตัวรวม 48 ตัว โดยการกรีดบริเวณคอปกเสื้อพบถุงพลาสติกใสแบบเรียบแบน ด้านในบรรจุผงสีขาวจำนวน 48 เส้น และขอบชายเสื้อ จำนวน 47 เส้น รวม 95 เส้น น้ำหนักรวม 5.886 กิโลกรัม
2.การตรวจสอบกระเป๋าสะพายนักเรียนชนิดสะพายหลัง จำนวน 3 ถุงๆ ละ 28ใบ รวม 84 ใบ โดยการกรีดบริเวณสายสะพายทั้ง 2 ข้าง พบมีถุงพลาสติกใสแบบเรียบแบน ด้านในบรรจุผงสีขาวทั้ง 168 ใบ น้ำหนักรวม 6.274 กิโลกรัม
จากนั้นได้นำวัตถุสีขาวที่พบในเสื้อไหมและสายสะพายส่งตรวจที่ พิสูจน์หลักฐานจังหวัดบึงกาฬ จากการตรวจพิสูจน์ พบว่าเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคนบริสุทธิ์) น้ำหนักรวม 12.160 กิโลกรัม จึงนำของกลางทั้งหมด ส่งสถานีตำรวจภูธรปากคาดดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ในการตรวจยึดครั้งนี้ สินค้าดังกล่าวระบุที่อยู่ เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ คือประเทศอิสราเอล และประเทศออสเตรเลีย
ส่วนการตรวจยึดกัญชา เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2563 เวลา 05.00 น. กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดย กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2107 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 (หน่วยปกติกรมทหารพรานที่ 22) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลำเลียงขนกัญชาจากประเทศเพื่อนบ้านมายังฝั่งไทย บริเวณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านบุ่งคล้าเหนือ หมู่ 3 ตำบลบุ่งคล้า อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ ตนจึงได้รายงานให้ พล.ต.บุญสิน พาดกลาง ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ทราบแล้วสั่งการให้ ร.อ.พรมมา จันทะวาลย์ ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2107 บูรณาการร่วมกับ ร้อย.ฉก.ทพ.2106,ร้อย.ฉก.ทพ.2108 ,มว.ตชด.2443,เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บุ่งคล้า ,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบุ่งคล้า และ ชปข.5 กกล.สุรศักดิ์มนตรี ร่วมวางกำลังพื้นที่เป้าหมาย ตั้งแต่ บ้านหนองเดิ่นเหนือ หมู่ 3 ต.หนองเดิ่น ถึง บ้านบุ่งคล้าเหนือ หมู่ 3 ตำบลบุ่งคล้า
ต่อมาชุดดักซุ่มได้ยินเสียงเรือกีบเพลยาวแล่นข้ามาจอดริมฝั่งแม่น้ำโขง จำนวน 2 สำพร้อมกลุ่มชาย 8-10 คน ลงจากเรือเคลื่อนย้ายวัตถุสีดำจำนวนมากขึ้นบนฝั่ง เจ้าหน้าที่ชุดตักชุ่มจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ แต่กลุ่มชายดังกล่าวตกใจเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงได้ใช้อาวุธยิงใส่จ้าหน้าที่ ประมาณ 5 นัด แล้ววิ่งหลบหนีไปในความมืด ชุดตักซุ่มจึงได้ประสานกำลังที่เตรียมการไว้แล้วเข้าตรวจสอบพื้นที่ และกระจายกำลังติดตามบุคคลชายที่หลบหนี แต่ไม่พบตัวเนื่องจากอาศัยความมืดและคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดีหลบหนีไปได้
จากนั้นได้กระจายกำลังตรวจสอบรอบบริเวณ พบวัตถุหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ จำนวน 18 กระสอบและพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) จำนวน 570 แท่ง ภายหลังการตรวจยึดจะได้นำของกลางทั้งหมดส่ง พงส.สภ.บุ่งคล้า ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับของกลางที่นำมาแถลงข่าวในครั้งนี้จากการประเมินโคเคนมูลค่า 117 ล้านบาท ส่วนกัญชามูลค่า 10 ล้านบาทรวม 127 ล้านบาท.