ตำรวจบึงกาฬ จับยกแก๊ง ‘เจ๊ปากแดง’ เจ้าแม่เงินกู้ดอกเบี้ยโหดพร้อมผัว ค้างจ่ายโดนตื้บปางตาย

คืบหน้าคดีเจ๊ปากแดงเจ้าแม่เงินเงินกู้นอกระบบและคิดดอกเบี้ยโหด ถ้าลูกหนี้ค้างชำระก็จะส่งบริวารรุมกระทืบปางตายรายนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 11 ธันวาคม 2563 หลังพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง จ.นครพนม ขอศาลจังหวัดนครพนมอนุมัติหมายจับในกรณีเร่งด่วน เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมาแล้วนั้น

พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม(ผบก.ภ.จว.ฯ) มอบหมายให้ พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิตธิโชติ ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครพนม ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ เข้าจู่โจมจับกุมตัวเจ๊ปากแดง อายุ 40 ปี ในบ้านพัก ต.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ พร้อมกับสามี และลูกน้องอีก 1 คน รวมเป็น 3 คน ขณะนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ตรวจค้นทุกซอกมุมในบ้านไม่พบเอกสารที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินแม้แต่ชิ้นเดียว จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปสอบสวนที่ สภ.บ้านแพง จ.นครพนม พื้นที่ที่เกิดเหตุ

สามีเจ๊ปากแดง อ้างว่า ตนและภรรยาคือเจ๊ปากแดงไม่ได้เป็นนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ เหตุที่รุมทำร้ายนายสกุล ศรีรักษา ส.อบต.บ้านคำนกกก หมู่ 1 ต.หนองแวง อ.บ้านแพง เพราะนายสกุลยืมเงินตนไปเล่นไฮโลแล้วไม่จ่ายคืน หลังตกเป็นข่าวก็เตรียมจะไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งข่าวที่ออกไปนั้นเว่อร์เกิน

ผู้สื่อข่าวทราบจากแหล่งข่าวว่า ในช่วงตอนบ่ายของวันที่ 11 ธันวาคม ก่อนที่สองผัวเมียคู่นี้จะถูกจับกุม มีชายกลุ่มหนึ่งเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว จากนั้นก็มีการขนย้ายเอกสารบางอย่างออกไป เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจถือหมายจับเข้าจับกุมตรวจค้นจึงไม่พบอะไรทั้งสิ้น

ล่าสุดมีจากเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายมนตรี จารุธำรง อดีตปลัดอาวุโสอำเภอบ้านแพง ที่ภายหลังถูกเด้งไปเป็นปลัดอาวุโสอำเภอนาทม จ.นครพนม เพราะไปขวางเส้นทางการรับส่วยของคนบางกลุ่มกับเจ๊ปากแดง

โดยทางปลัดฯได้โทรหาเจ๊ปากแดงเพื่อนัดเจรจาลูกหนี้ที่ชื่อนางน้อย(นามสมมติ) แต่ทางเจ๊ปากแดงยืนยันไม่เจรจาเพราะตนได้ทำสัญญาเงินกู้ไว้ และจะดำเนินการฟ้องลูกหนี้ ด้านปลัดฯก็ได้แจ้งว่าหากไม่มาเจรจา ถ้าลูกน้องมาเก็บเงินรายวันในพื้นที่บ้านแพงก็อาจเกมได้ และตนจะเป็นคนดำเนินคดีพร้อมกับเป็นผู้กล่าวหาเอง จึงอยากให้ทางด้านเจ๊ปากแดงได้เข้าสู่กระบวนการเจรจา เพราะว่าเท่าที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการปล่อยหนี้ดอกลอยเกินกว่ากฎหมายกำหนดเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งเจ๊ปากแดงได้บอกปลัดว่าตนเองนั้นไม่ได้มีลูกหนี้อยู่ที่อำเภอบ้านแพงแล้ว แต่ยังมีลูกหนี้ที่อื่น และตนเองไม่ได้เป็นผู้ปล่อยเงินกู้แต่ปล่อยทองเพียงอย่างเดียว

โดยทางปลัดฯสอบถามว่าหนี้  60,000 บาท เก็บวันละ 1,200 บาท”ใช่ของเจ๊หรือไม่”  หากทางเจ๊ไม่ได้เป็นเจ้าหนี้ก็จะได้ลงบันทึกว่าเจ้าหนี้ไม่ประสงค์เก็บแล้ว ถ้าไม่มีลูกหนี้ในพื้นที่บ้านแพง ตนก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการอะไรได้เพราะเกินกว่าอำนาจ แต่ถ้าหากว่ามาเก็บเงินลูกหนี้ในพื้นที่อำเภอบ้านแพงนั้น ก็จำเป็นจะต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุม

ทางฝ่ายเจ๊ปากแดงก็ ยืนยันว่า ตนไม่ได้ปล่อยเงินกู้แต่ปล่อยทองเพียงอย่างเดียวและก็ไม่ได้เข้าไปเก็บหนี้ที่อำเภอบ้านแพงแล้วเพราะว่าไม่มีลูกค้าในพื้นที่ ซึ่งทางเจ๊ปากแดงยังแจ้งกับปลัดฯว่าตนได้คุยกับลูกหนี้รายนี้ และเคยตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าตนเองจะเก็บวันละ 500 บาท และเก็บแค่หมด ไม่ได้เก็บเป็นดอกลอยวันละ 1,200 บาท ตามที่ลูกหนี้กล่าวอ้าง

โดยยืนยันว่ามีพยาน และให้ทางด้านปลัดไปสอบถามกับพยานที่ชื่อแม่นุ้ย ว่าตนไม่ได้มีการเก็บดอกลอย ทั้งยังยืนยันว่าตนเองเก็บแค่หมดเท่านั้น ไม่ได้เก็บยอดเป็นแสน จึงอยากให้ทางด้านปลัดฟังความทั้งสองฝ่ายด้วย เพราะลูกหนี้ชอบไปโกหกตำรวจ โกหกปลัด ว่าตนเก็บดอกลอย ซึ่งไม่เป็นความจริง ฯลฯ

ซึ่งทางด้านปลัดก็ได้แจ้งกับเจ๊ปากแดงว่าตนเองนั้นรับฟังทั้งสองฝ่าย และมองทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นธรรม ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ด้วยหน้าที่ของศูนย์ดำรงธรรม เมื่อมีผู้มาร้องเรียนเราก็จำเป็นจะต้องดำเนินการตามระบบ ซึ่งจะต้องเชิญทั้งสองฝ่ายมาทำการไกล่เกลี่ย เพราะที่ผ่านมานั้นได้เชิญลูกหนี้และเจ้าหนี้เข้ามาไกล่เกลี่ยตามกระบวนการแล้วหลายราย เพราะหากว่าไม่มีการไกล่เกลี่ยหรือว่าลูกหนี้ประสงค์จะเอาผิดก็จำเป็นจะต้องดำเนินการแต่ส่วนมากลูกหนี้จะไม่ประสงค์เอาผิดเพียงแค่ต้องการให้เดินทางมาเจรจาไกล่เกลี่ยกัน

สุดท้ายทางเจ๊ปากแดงก็บอกกับปลัดว่าตนเองติดภารกิจต้องเดินทางไปงานศพที่บ้านหนองบัวไม่สามารถที่จะเดินทางเข้าไปเจรจาตามนัดได้

ปลัดก็บอกกับเจ๊ปากแดงว่าหากสะดวกเมื่อไหร่ก็สามารถที่จะนัดเจรจาได้แต่หากว่าทางด้านเจ๊ปากแดงประสงค์จะฟ้องร้องเป็นคดีความก็ให้ว่ากันไปตามกฎหมายระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้เท่านั้น