วันที่ (28 เม.ย.64) เวลา 09.00 น. นายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบึงกาฬ/ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดบึงกาฬ ได้ออกประกาศจังหวัดบึงกาฬ เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19 ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ เรื่องขอความร่วมมือให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ออกจากบ้าน หรือไปในพื้นที่ชุมชน ประกาศไว้วันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา จึงให้ยกเลิกประกาศดังกล่าว
และให้ประชาชนทั่วไป ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่นในหน่วยงานของรัฐ และบุคลากรภาคเอกชนทุกคนในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ถือปฏิบัติตามมาตรการโดยสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องและถูกวิธีเพื่อลดการแพร่ระบาด เมื่อออกนอกเคหสถานหรือที่พักของตน เมื่อเข้าไปในสถานที่แออัด หรือไปยังสถานที่อื่น ๆ ที่มีผู้คนและต้องพบปะผู้อื่น เช่น ตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร หาบเร่แผงลอย โดยให้สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง รวมถึงเมื่ออยู่ใกล้ชิดผู้สูงอายุ เด็ก บุคคลที่ร่างกายอ่อนแอ หรือบุคคลใกล้ชิดอื่น ๆ ด้วย ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และไม่อาจให้คู่กรณีที่เกี่ยวข้องใช้สิทธิโต้แย้งได้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน จนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 รวมระยะเวลา 14 วัน
อัปเดตจังหวัด “ไม่สวมแมสก์” ก่อนออกจากบ้าน เจอปรับ 2 หมื่น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน)
ภาคกลาง
ภาคตะวันออก
ภาคใต้
นอกจากนี้ นายโกศลวัฒน์ ยังระบุว่า คนที่ไม่อยากใส่ คนที่รู้สึกต่อต้าน ขอให้ไปอ่านข่าวว่าผู้ติดโควิดฯ นำเชื้อกลับเข้าไปติดคนที่บ้าน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่นำเชื้อไปติดพ่อแม่ที่สูงอายุ ท่านระมัดระวังไม่ออกนอกบ้าน มีวินัยป้องกันตนเองอย่างสูง แต่ลูกหลานเข้ามาหานำเชื้อมาติดคนสูงอายุในบ้านหลายรายแล้ว เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ คงต้องมานั่งเสียใจแล้วคิดกันแบบเดิมๆ ว่า เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเรา จึงไม่ควรประมาท ดังนั้นต้องร่วมมือกันอย่างมีวินัยและเคร่งครัด เราปลอดภัยทุกคนที่ใกล้เราก็ปลอดภัยด้วย จึงจะรอดไปด้วยกัน
“อัยการขอให้ปฏิบัติตามประกาศในทุกจังหวัดโดยเคร่งครัด ออกจากบ้านใส่หน้ากากทันที นั่งรถโดยสารสาธารณะ รถเมล์ รถแท็กซี่ ก็ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา จังหวัดไหนที่ยังไม่ประกาศก็ใส่ได้ ถ้าอยากจะรอดไปด้วยกัน แม้กฎหมายนี้จะดูเป็นการบังคับให้เราใส่หน้ากาก แต่ใส่แล้วก็ดีกับเรา ปลอดภัยกับเรา เรียกได้ว่าดีมากกว่าเสีย แล้วทำไมจะไม่ใส่หน้ากากกัน ทั้งนี้ นายประเสริฐ อธิบดีอัยการภาค 8 ได้ส่งบันทึกคำฟ้อง คำรับสารภาพ คำพิพากษาศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ซึ่งศาลท่านได้ระบุกฎหมายครบถ้วนทุกฉบับทุกมาตรา ให้ดูเป็นตัวอย่างแม้ศาลใช้ดุลพินิจปรับ 4,000 บาท รับสารภาพลดครึ่งเหลือ 2,000 บาท แต่ในจังหวัดอื่นๆ ศาลท่านก็ใช้ดุลพินิจลงโทษตามความเหมาะสมในพฤติการณ์แห่งคดี หากมีพฤติการณ์ไม่ยอมใส่หน้ากากแบบท้าทายกฎหมาย ศาลอาจใช้ดุลพินิจลงโทษหนักกว่านี้ได้ อัตราโทษปรับอย่างสูงไม่เกิน 20,000 บาท ขอบคุณที่ช่วยให้ความรู้ประชาชน ประชาชนจะได้ร่วมมือกันปฏิบัติอย่างถูกต้องไม่ให้เกิดประเด็นความขัดแย้งทางสังคม ในการปฎิบัติตามกฎหมาย”
‘>