รพ.บึงโขงหลง ขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางมารับบริการที่โรงพยาบาลหากไม่จำเป็น

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ ได้เปิดเผยไทม์ไลน์ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 รายล่าสุด (รายที่ 16) เป็นชายไทย อายุ 47 ปี ภูมิลำเนา ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง อาชีพผู้จัดการร้านสถานบันเทิงพื้นที่อำเภอเซกา ที่ป่วยด้วยวัณโรค ปอดอักเสบ และตรวจพบโควิดในอำเภอบึงโขงหลง จากการสอบสวนโรคพบว่าผู้ป่วยเดินทางไป-มา ระหว่าง อำเภอบึงโขงหลง และอำเภอเซกา วันที่ 15 เม.ย.มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ ไปหาหมอในโรงพยาบาลเซกา, วันที่ 16 เม.ย. อาการไม่ดีขึ้นไปหาหมอคลินิก, วันที่ 20 เม.ย.ไปหาหมอคลินิกเดิม, วันที่ 20-29 เม.ย.อาศัยอยู่บ้านพักของเจ้าของร้านสถานบันเทิง ไม่ได้ออกไป เนื่องจากไม่สบาย แต่มีเพื่อนแวะเวียนมาหาที่บ้านพัก เนื่องจากที่บ้านมีโต๊ะสนุ๊กเกอร์ มีตำรวจ แวะเวียนมาเล่นเกือบทุกวัน, วันที่ 27 เม.ย.กลับไปหาหมอที่ รพ.เซกา ได้ยามากิน กระทั่งวันที่ 29 เม.ย. ไปหาหมอที่ รพ.บึงโขงหลง แอดมินเป็นผู้ป่วยใน และวันที่ 1 พ.ค. ผลตรวจโควิด-19 ออกมา ปรากฏผลเป็นบวก ซึ่งผลจากไทม์ไลน์ทำให้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 50 คน ทั้งแพทย์ พยาบาล ลูกค้า พนักงานในร้าน พนักงาน รวมถึงตำรวจ

ขณะที่ นพ.ปราโมทย์ ศรีแก้ว ผอ.รพ.บึงโขงหลง ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า กรณีผู้ป่วยรายที่ 16 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบึงโขงหลง ผลตรวจโควิดออกมาเป็นบวก มีบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งพยาบาล ผู้ช่วยเหลือคนไข้ จนท.ห้องบัตร จนท.ห้องเอ็กเรย์ พนักงานเปล สัมผัสทั้งหมด 23 คน มีเสี่ยงสูง 13 คน ส่งไปกักตัวที่ศูนย์กักกันของจังหวัดแล้ว ที่เหลือ 10 คนก็ให้กักตัวที่บ้าน 14 วัน ทั้งหมดได้ตรวจหาเชื้อแล้ว และอีก 5 วันตรวจซ้ำรอบ 2 ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการกับประชาชน เพราะโรงพยาบาลบึงโขงหลง เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก ทั้งในส่วนของห้องฉุกเฉิน ห้องเอ็กเรย์ และหอผู้ป่วยใน ที่ตอนนี้มีบุคลากรเหลือเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ได้จัดอัตรากำลังใหม่ พอที่จะให้บริการได้ แต่ว่าต้องงดการให้บริการเป็นบางส่วน เช่นห้องผ่าตัด หากเจ็บป่วยไม่รุนแรงคงต้องให้ไปใช้บริการที่โรงพยาบาลข้างเคียงก่อน ส่วนผู้ป่วยนอกที่เป็นโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดัน หอบหืด ทางโรงพยาบาลได้จัดส่งยาเวชภัณฑ์ไปให้ที่บ้านแล้ว ไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาลจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ประสานกับ รพ.สต.ไว้แล้ว ส่วนผู้ป่วยทั่วไปที่อาการไม่หนักก็ให้บริการอยู่ เอาเท่าที่จำเป็นจริงๆ พอที่จะรับผู้ป่วยได้บ้าง แต่ถ้ามาโรงพยาบาลต้องผ่านการคัดกรองโควิดถึง 2 ขั้น ตั้งแต่ลงจากรถไปจนถึงในตัวโรงพยาบาล และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด