ที่ ห้องประชุมภูทอก ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ นายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมโรคติดต่อจังหวัดบึงกาฬ เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมวางแนวทาง และซักซ้อมการปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค
นายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เน้นย้ำต่อที่ประชุมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในระลอกเดือนเมษายน นับตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา จังหวัดบึงกาฬ พบผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 แล้ว 23 ราย หายป่วย 12 ราย และยังคงมีผู้ป่วยที่กำลังรับการรักษาอีก 11 ราย แม้สถานการณ์จะไม่ได้รุนแรงเท่ากับจังหวัดอื่นๆ แต่ก็ต้องเฝ้าระวัง และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการเปิดให้ประชาชนเริ่มลงทะเบียนในการรับวัคซีนแล้ว จึงขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้สื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนให้มากที่สุด ผ่านหอกระจายข่าว ,วิทยุชุมชน, อสม., ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ เพราะหากประชาชนไม่รับวัคซีนในจำนวนที่มากพอ ย่อมจะทำให้ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ก็จะส่งผลทั้งต่อความเสี่ยงในการติดโรค และโอกาสในการผ่อนคลายมาตรการก็จะเป็นไปได้ยาก ซึ่งย่อมจะส่งผลถึงเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วยเช่นกัน
ขณะที่นายแพทย์ ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า สำหรับจังหวัดบึงกาฬ กลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีประมาณ 92,000 คน แต่จองวัคซีนแล้วเพียงประมาณ 4,400 คน ซึ่งคิดเป็นเพียงประมาณร้อยละ 5 ของประชากรกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น การจองสามารถทำได้ผ่านไลน์ หมอพร้อม และ อสม. เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน ซึ่ง ณ ขณะนี้ วิธีหลักที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬใช้ คือ อสม.เคาะประตูบ้าน เพื่อทำความเข้าใจเรื่องวัคซีน เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายมาลงทะเบียนรับวัคซีนให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ในการฉีดวัคซีนจะมีการติดตามอาการหลังฉีด และการดูแลอย่างดีที่สุดเพื่อเฝ้าระวังอาการจากผลข้างเคียงในการรับวัคซีน ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เช่นเดียวกับการรับวัคซีนของโรคอื่นๆ และเมื่อประชากรกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของประเทศได้รับวัคซีน ก็จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และทำให้เราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้
สำหรับมาตรการที่สำคัญ ณ ขณะนี้ ผู้เดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด 45 จังหวัด ต้องเข้ารับการซักประวัติและกักตัวทุกราย ส่วนการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ สำนักงานขนส่งจังหวัดบึงกาฬ ได้นำระบบ GPS ที่ติดในตัวรถโดยสารประจำทาง มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการควบคุมโรค โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวัง และจะมีการแจ้งพิกัดรถให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านคัดกรองได้ทราบก่อนถึงด่าน ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งหากรถถึงด่านแล้ว ตามมาตรการจะให้ผู้โดยสารลงจากรถมาคัดกรองซักประวัติ และประเมินความเสี่ยงทั้งหมด หลังจากนั้นจะส่งรายชื่อให้ผู้ใหญ่บ้านตามภูมิลำเนาต่อไป’>