จากกรณีพระที่ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า ป.ภิกขุ โพสต์ในเฟซขอความช่วยเหลือผ่านสื่อ โดยอ้างว่ามีกลุ่มบุคคล 5 คน มาแอบอ้างว่าเป็นช่างมาร้องขอทำงานก่อสร้างศาลาการเปรียญขนาด 44 x 20 เมตร และขอเบิกเงินล่วงหน้าไปซื้อเหล็กเส้น 220,000 บาท พอลงมือทำนิดหน่อยก็หนีหายไปพร้อมกับเชิดเหล็กเส้นส่วนหนึ่งหนีไปด้วยติดต่อไม่ได้ ภายหลังเห็นข่าวในเฟสติดต่อกลับพร้อมจะแจ้งความหมื่นประมาทและความผิด พ.ร.บ.คอมฯ สุดท้ายยอมคืนเงินที่เบิกเกินแต่ขอผ่อนผัน จบกันไปด้วยดี
รายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 19 พ.ค.กรณี ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบพระมหาพรรณพนา ปญฺญาวโร เจ้าอาวาสวัดโนนงามศิริธรรม บ้านโนนงาม หมู่ที่15 ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ กรณีได้โพสต์เฟสบุ๊ค ชื่อ ป. ภิกขุ ว่า ”ขอความช่วยเหลือหน่อยนะโยม ใครพอจะช่วยร้องเรียนสื่อได้ช่วยหน่อยบุคคลในวงกลมทั้ง 5 คนนี้ต้มตุ๋นเงินที่จะสร้าง ศาลาการเปรียญของทางวัดไป 220,000 บาท อาตมาไมรู้จะทำยังไงแล้ว พระเณรเดือดร้อนมากกฎีก็ไม่พออยู่ ยังมาโกงเงินวัดไปอีก ที่ทราบมาก็มีอีกหลายวัดใกล้ๆ กันโดนไป วัดละหลายแสนบาท อาตพึ่งมาอยู่ใหม่ที่วัดป่าโนนงามศิริธรรม ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ กรุณาขอความเป็นธรรมด้วยนะ ญาติโยม เดือดร้อนจริงๆ จึงขอความช่วยเหลือมา ทุกวันนี้ก็นอนไม่ค่อยหลับทั้งสอนหนังสือเณร ทั้งงานสร้างเสนาสนยังมาโดนโกงอีก รู้สึกท้อมากกับใจคน ออลืมไปเขาบอก ว่าเขาเป็นชาว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธ์”
หลังจากได้พบกับผู้สื่อข่าว จึงพาเดินดูการก่อสร้างศาลาการเปรียญ ที่มีปัญหาพร้อมกับ นายสวรรค์ ดวงชัย อายุ 71 ปีหนึ่งในกรรมการวัด เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า คณะกรรมการวัด พร้อมเจ้าอาวาส มีมติก่อสร้างศาลาการเปรียญ รอบแรกการก่อสร้างผ่านไปด้วยดีคือเทปูนซีเมนต์ก่อสร้างคานคอดินเสร็จ พอมารอบสองตกลงกันว่าจะต้องก่อคานคอสองที่สูงขึ้นมาอีกประมาณ 1 เมตรพร้อมคานซอยแยก โดยตีราคาไว้ 270,000 บาท และให้แล้วเสร็จภายใน 31 มีนาคม 64 พร้อมกับขอเบิกเงินล่วงหน้างวดแรกไป 220,000 บาท จึงได้ทำสัญญากันเอาไว้ตามข้อตกลง ก่อนจะลงมือทำผู้รับเหมาก็ไปซื้อเหล็กเส้นมาลงไว้ แต่ไม่นานก็มาขนเหล็กออกไป กรรมการก็เข้าใจว่าคงเอาเหล็กไปทำที่อื่นก่อน แล้วคงจะเอาตัวใหม่มาทำที่นี่ แต่นานไปก็ไม่มาทำต่อ ไปตามหาก็ไม่เจอโทรหาก็ไม่รับสาย ถูกปฏิเสธปิดโทรศัพท์หนีก็มี ไปตามมาทำงานก็หลบๆ ซ่อนๆ จึงมั่นใจว่าถูกเบี้ยวเงินแล้ว จึงตัดสินใจลงเฟสบุ๊คขอความช่วยเหลือจากญาติโยมและสื่อ
พระมหาพรรณพนา ปญฺญาวโร กล่าวว่าเริ่มต้นมีโครงการก่อสร้างศาลาหลังใหม่แทนหลังเก่าที่ทรุดโทรม ก็มีผู้รับเหมารายนี้เข้ามาติดต่อร้องขอเป็นผู้ก่อสร้าง รอบแรกก็ทำผ่านไปด้วยดี แต่พอมารอบสองเบิกเงินไปซื้อของจำนวน 220,000 บาท มาก่อสร้างได้ประมาณ 10% แล้วก็ไปๆ มาๆ จนหมดสัญญา ต่อมาว่าวันที่ 1 เมษายน 64 มาแจ้งว่าจะขอเข้ามาทำงานต่อ ญาติโยมกรรมการวัดรวมตนด้วยจึงไม่ยอม ต่อมาวันที่ 9 เมษา เข้ามาพูดคุยไกล่เกลี่ยว่าจะนำเงินส่วนที่เบิกเกินไปประมาณ 50.000 บาทมาคืนให้พร้อมเหล็กเส้นประมาณ 60 เส้น อาตมาก็ให้โอกาสอีกจนมาวันที่ 1 พ.ค. โทรหาก็ติดต่อไม่ได้ มาวันที่ 4 พ.ค.โทรกลับมาขอผ่อนผันอีกเป็นวันที่ 12 พ.ค. อาตมาถือใจซื่อก็ให้โอกาสอีก สุดท้ายหายไปเลยติดต่อไม่ได้ โทรไม่ติด จนมาเมื่อวานนี้จึงตัดสินใจโพสต์ลงเฟสบุ๊ค
ต่อมาเช้าวันนี้ผู้รับเหมารายนี้ภายหลังจากเห็นโพสต์ดังกล่าวจึงเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย พันธวงษ์ รอง สว.(สอบสวน)สภ.โซ่พิสัย ว่าพระมหาพรรณพนา ปญฺญาวโร เจ้าอาวาสวัดโนนงามศิริธรรม โพสต์สร้างความเสียหายให้โดยการโฆษณา จากนั้น ร้อยเวรได้เรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันที่โรงพัก หลังไกล่เกลี่ยเสร็จได้ทำบันทึกเจรจาข้อตกลง ว่าคณะกรรมการวัดฯ ได้ให้ผู้รับเหมาชดใช้เหล็กข้ออ้อยขนาด 12 หุน จำนวน 60 เส้น เหล็กขนาด 2 หุน จำนวน 60 เส้น และเงินสดจำนวน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน)ให้แก่คณะกรรมการหมู่บ้านในฐานะผู้ว่าจ้างการก่อสร้างศาลาฯ เนื่องจากการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ซึ่งผู้รับเหมายินดีชดใช้ให้ตามที่อีกฝ่ายเรียกร้องมา โดยเหล็กจะนำมาชดใช้ให้ในวันที่ 10 มิ.ย. และเงินสดขอแบ่งจ่ายเป็น 3 เดือน พร้อมทั้งขอให้พระมหาพรรณนา ปญญาวโร ลบโพสต์ที่ลงไปในเฟซบุ๊คด้วย ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดกัน เมื่อได้มีการเจรจาตกลงกันจนเป็นที่เข้าใจแล้ว” ฝ่ายพระมหาพรรณพนา และกรรมการวัด ยินดีรับข้อเสนอ ทั้ง 2 ฝ่ายจึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าร้อยเวร
ด้าน น.ส.วัชราพร มุสิกา อายุ 33 ปีชาว จ.กาฬสินธุ์ ลูกสาวผู้รับเหมายอมรับว่า ครอบครัวตนรับเหมาทำศาลาการเปรียญรอบแรกเสร็จไปแล้ว มารอบ 2 เบิกเงินมาซื้อของพร้อมกับทำตามสัญญา ต่อมามีงานเข้ามาเยอะจึงสลับกันไปทำที่อื่นด้วยรับรองว่าไม่ได้ทิ้งงานแน่นอน เพราะครอบครัวตนมีอาชีพทำงานก่อสร้างศาลาวัดมาตั้งแต่เกิด ไม่คิดจะทำลายอาชีพตัวเองแน่นอน น.ส.วัชราพร กล่าว.
‘>