หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร เจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกพัฒนาราม จ.บึงกาฬ เกจิสายธรรมหลวงปู่มั่น มรณภาพแล้วที่ รพ.ศรีนครินทร์ สิริอายุ 96 ปี 76 พรรษา หลังรักษาอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและแผลกดทับ
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลศรีนครินทร์ได้แถลงการณ์อาการอาพาธหลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร ฉบับที่ 2 วันที่ 20 มิถุนายน 2564 ว่า กราบนมัสการพระคุณเจ้าและกราบเรียนคณะศิษยานุศิษย์ ด้วยองค์หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร ได้เข้ารับการรักษาที่หอสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2564 ด้วยเรื่องติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและมีแผลกดทับ ทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลศรีนครินทร์ได้ถวายการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ และถวายการทำแผลอย่างต่อเนื่อง
ตลอดการรักษา ณ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับ พระครูปัญญาวรากร (หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร) เจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกพัฒนาราม ตำบลพรเจริญ อำเภอพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ ไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร (พระครูปัญญาวรากร) วัดป่าวิเวกพัฒนาราม ต.บ้านเอือด อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีวัตรปฏิบัติดี สืบสายธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากัมมัฏฐานภาคอีสาน หลวงปู่สมภาร มีนามเดิม สมภาร อุนาพรหม เกิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค. พ.ศ.2467 ที่ ต.ชมภูพร อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย (ปัจจุบัน จ.บึงกาฬ) อายุ 21 ปี อุปสมบทที่วัดไชยมงคล ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร มีพระอาจารย์ฮวด เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์สิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังเข้าสู่ร่มเงาผ้ากาสาวพัสตร์ มุมานะศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยจนสำเร็จนักธรรมชั้นเอก อีกทั้งมีความเลื่อมใสศรัทธาในวัตรปฏิบัติของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงเดินทางไปจำพรรษาที่วัดบ้านหนองผือ จ.สกลนคร ฝึกฝนวิปัสสนากัมมัฏฐานปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่มั่น นานถึง 6 พรรษา ตลอดเวลาหลวงปู่สมภารยึดแนวทางปฏิบัติธรรมตามคำชี้แนะของหลวงปู่มั่นอย่างเคร่งครัด
ต่อมาหลวงปู่มั่นละสังขาร ด้วยความที่เป็นพระหนุ่มไฟแรง หลวงปู่สมภารจึงเข้าร่วมกองทัพธรรมกับคณะหลวงปู่เทสก์ วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย ออกธุดงค์วัตรลงไปเผยแผ่ธรรมะที่ภาคใต้ และจำพรรษาปฏิบัติธรรมวนเวียนอยู่วัดแถบภาคใต้นานหลายพรรษา หลังจากหลวงปู่สมภารธุดงค์ไปตามป่าเขาภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศนานเกือบ 20 ปี ในปี พ.ศ.2507 จึงเดินทางกลับอีสานบ้านเกิด จำพรรษาอยู่วัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ
คณะสงฆ์พิจารณาเห็นว่าเป็นผู้มีความพร้อมทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ จึงแต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกพัฒนาราม ซึ่งหลวงปู่ได้จำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดแห่งนี้ตราบจนปัจจุบัน ตลอดเวลาที่หลวงปู่สมภารจำพรรษาที่วัดป่าวิเวกพัฒนารามแห่งนี้ได้ร่วมกับญาติโยมพัฒนาวัดป่าวิเวกพัฒนารามในทุกด้านอย่างเต็มที่ ถาวรวัตถุจะสร้างเท่าที่จำเป็นต่อการใช้ปฏิบัติศาสนกิจเท่านั้น
หลวงปู่สมภาร ท่านมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง ท่านกำหนดกฎระเบียบเข้มไว้ไม่ให้ภายในวัดมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากเกินความจำเป็น เพราะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม ด้วยความที่เป็นพระสายป่า ท่านมีจิตใจชมชอบธรรมชาติป่าไม้ ปรับปรุงภายในบริเวณวัดให้มีความร่มรื่นสวยงาม ทำให้ทั่วบริเวณวัดมีแต่ความสงบวิเวก เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมยิ่งนัก ในแต่ละปีวัดจะมีกิจกรรมร่วมกับญาติโยม ปลูกป่าและรักษาป่าติดต่อกันมา
หลวงปู่สมภาร เริ่มมีชื่อเสียงอยู่ในศรัทธาของญาติโยมชาว จ.บึงกาฬ และพื้นที่ใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันมีญาติโยมจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบนมัสการรับฟังธรรมจากหลวงปู่อย่างล้นหลาม ธรรมะที่ท่านสั่งสอนญาติโยมจะเน้นไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาท
หลวงปู่สมภาร ท่านมีอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุมรอบคอบ แม้ท่านจะมีอายุมากถึง 96 ปี แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติศาสนกิจ ท่านยังรับกิจนิมนต์ และนั่งสมาธิทุกวัน รวมทั้งคอยรับแขกญาติโยม แม้บางครั้งท่านจะไม่ค่อยสบาย แต่หาปริปากบ่นไม่ ยังคงรักษาศรัทธาของญาติโยมมิเสื่อมคลาย
โอวาทธรรม หลวงปู่สมภาร “ไม่ต้องพากันกลัวตาย คนเราตายทุกวันอยู่แล้ว ตายลงไปทีละเล็กทีละน้อย ตายจริงๆ คือหมดลมหายใจ ความตายในที่นี้ก็คือคือความแก่ชราตายจากความหนุ่มสาวไปทีละเล็กทีละน้อย” “คนเฮาสู่มื้อนี้ เมาในกามมะคุณเมากิเลสตัณหา ก็หนักเกินพอแล้ว ยังเอาเหล้าเข้ามาเมาเพิ่มอีก” “เฮ็ดอันได๋กะตามให้เอาใจเฮ็ด เพียรอดเพียรทน สังขารผมกะเหมิดไปตามมื้อตามเว็น รักษาแต่จิตใจบ่ให้เผลอกะพอแล้ว”
ลำดับสมณศักดิ์
ปี พ.ศ.2520 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูปัญญาวรากร
ปี พ.ศ.2525 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทิน นามเดิม
ปี พ.ศ.2544 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม รวมทั้งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอพรเจริญ จนถึงปัจจุบัน.
‘>