จ.บึงกาฬ ยังเข้มงวด เดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด ต้องกักตัว 14 วัน เว้นแต่ได้รับวัคซีนโควิด-19 + ผลตรวจ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง + ไม่มีประวัติเสี่ยง
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยถึงมาตรการในการเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ณ ขณะนี้ (ข้อมูลล่าสุด ณ 11 กรกฎาคม 2564) ว่า จากการแบ่งพื้นที่เป็น 4 ระดับ ของ ศบค. ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด , พื้นที่ควบคุม 25 จังหวัดและพื้นที่เฝ้าระวังสูง 18 จังหวัดนั้น โดยจังหวัดบึงกาฬ อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังสูง จึงมีการกำหนดมาตรการในการเข้าบึงกาฬจากพื้นที่ทั้ง 4 ระดับ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในจังหวัดบึงกาฬ ดังนี้
1.ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด (ได้แก่ กทม. ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา) ต้องมีหลักฐานในการเดินทางเข้าพื้นที่บึงกาฬ คือ 1.เอกสารการอนุญาตออกนอกพื้นที่เสี่ยง 2.เอกสารรับรองผลการตรวจโควิด-19 ภายใน 72 ชั่วโมง 3.หากท่านมีสมาร์ทโฟนให้ลงทะเบียนก่อนเข้าจังหวัด ที่ QR Code หรือที่ลิงค์ https://bkpho.moph.go.th
โดยให้แจ้งรายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อรับการซักประวัติ และประเมินความเสี่ยง แต่ทุกคนต้องกักตัว 14 วัน หากยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19
สำหรับการกักตัว แบ่งได้เป็น 2 กรณี ได้แก่ 1. กรณีมีหลักฐานข้อ 1 และไม่มีประวัติเสี่ยง จะถือว่าท่านเสี่ยงต่ำ: ให้กักตัวที่บ้าน 14 วัน
2. กรณีมีหลักฐานไม่ครบ หรือ มีประวัติเสี่ยง = จะถือว่าท่านเสี่ยงสูง: ต้องกักตัวที่สถานกักกันของจังหวัด 14 วัน คือ ม.ราชภัฏอุดรธานี ศูนย์การศึกษาบึงกาฬ ฯลฯ
ส่วนกรณีมีหลักฐาน คือ เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน สามารถเดินทางมาได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่มีเงื่อนไข คือ 1.ได้รับวัคซีน Sinovac เข็มที่ 2 มาแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือ 2.ได้รับวัคซีน Astra Zeneca เข็มที่ 1 มาแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
**กรณีนักท่องเที่ยวจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ขอให้งดหรือชะลอการเดินทางในช่วงนี้ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ต้องผ่านการซักประวัติที่ด่านคัดกรองก่อนเข้าจังหวัด หากเสี่ยงสูง ต้องกักตัว 14 วัน**
2.ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด (ได้แก่ กระบี่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตาก นครนายก นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี) ต้องแจ้งรายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อรับการซักประวัติ และประเมินความเสี่ยง แต่ทุกคนต้องกักตัวที่บ้าน 14 วัน หากยังไม่ได้รับวัคซีน เงื่อนไขเช่นเดียวกับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
3.ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุม 25 จังหวัด (ได้แก่ กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยภูมิ ชุมพร ตรัง ตราด บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สตูล สระแก้ว สุโขทัย สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี) ต้องแจ้งรายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อรับการซักประวัติ และประเมินความเสี่ยง จากนั้นเฝ้าระวังตัวเอง (ไม่ต้องกักตัว) และปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด
4.ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เฝ้าระวังสูง 17 จังหวัด (ไม่นับรวมบึงกาฬ) (ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ นครพนม น่าน พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ลำปาง ลำพูน สกลนคร หนองคาย อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์)
ต้องแจ้งรายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อรับการซักประวัติ และประเมินความเสี่ยง จากนั้นเฝ้าระวังตัวเอง (ไม่ต้องกักตัว) และปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด
หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ 0-4249-2046 ต่อ 114 (ในเวลาราชการ) หรือ 06-1205-3743 (นอกเวลาราชการ)
‘>