บึงกาฬอ่วม! โควิดพุ่งพบ 11 คลัสเตอร์ เตียงใกล้เต็ม เริ่มให้รักษาที่บ้าน

นายแพทย์ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ แถลงถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.บึงกาฬ ว่า ขณะนี้มีเคสการติดเชื้อยืนยันสะสมทั้งหมด 3604 ราย รักษาตัวอยู่ 346 ราย แบ่งเป็นการรักษาในโรงพยาบาลทั้งหมด 265 ราย, รักษาที่บ้าน (Home Isolation) 77 ราย และรักษาในสถานที่ที่ชุมชนจัดให้ (Community Isolation) 4 ราย

โดยจังหวัดบึงกาฬมีคลัสเตอร์เกิดขึ้น และมีผู้ป่วยในหลายราย คลัสเตอร์ที่สำคัญ ได้แก่ คลัสเตอร์ที่อำเภอเมืองบึงกาฬ เป็นคลัสเตอร์ที่โรงงานไม้ ต.โคกก่อง มียอดรวมทั้งหมด 18 ราย, คลัสเตอร์ที่โรงเรียนบึงกาฬคริสเตียน 15 ราย, อำเภอพรเจริญ ที่ต.ป่าแฝก 11 ราย, อำเภอโซ่พิสัย เกิดคลัสเตอร์ที่โรงเรียนบ้านหนองแวง 12 ราย, และคลัสเตอร์ที่บ้านโนนม่วง ต.หนองพันทา 12 ราย, อำเภอเซกา มีคลัสเตอร์ที่ค่อนข้างใหญ่ คือ คลัสเตอร์ที่ต.น้ำจั้น ทั้งหมด 88 ราย ซึ่งต.น้ำจั้น ก็มีผู้ที่เดินทางไปร่วมงานศพที่ตำนาสะแบง ของอำเภอศรีวิไล ซึ่งทำให้มีการติดเชื้อใน 2 ตำบลนี้ ซึ่งยอดรวมทั้งหมด 88 ราย, อำเภอปากคาด มีอยู่หลายแห่ง ได้แก่ คลัสเตอร์ที่บ้านตาลบังบด – ห้วยมะยม 21 ราย, คลัสเตอร์ตำบลนากั้ง 14 ราย, คลัสเตอร์บ้านทุงสว่าง ต.ปากคาด 40 ราย, คลัสเตอร์บ้านปากคาดมวลชน 39 ราย ส่วนคลัสเตอร์ล่าสุด เกิดขึ้นที่ อำเภอบึงโขงหลง ที่บ้านโสกโพธิ์-โสกพอก ตำบลบึงโขงหลง ยอดรวม 38 ราย ความเสี่ยงที่คลัสเตอร์ต่างๆ เกิดขึ้น เนื่องจากมีผู้เดินทางมาจากต่างถิ่น มีการรับประทานอาหารร่วมกัน มีการสังสรรค์ร่วมกัน มีการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยและอยู่ใกล้ชิดกัน ไม่ได้ทำตามมาตรการเท่าที่ควร จึงได้มีการติดเชื้อทั้งในครอบครัว และชุมชน เนื่องจากการทำกิจกรรมร่วมกัน

ดังนั้นทาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน เนื่องจากว่าในช่วงนี้ จำนวนผู้ป่วยของจังหวัดบึงกาฬมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น เนื่องจากการระบาดของเชื้อสายพันธุ์ใหม่ก็สามารถแพร่ระบาดติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดการระบาดในหลายคลัสเตอร์ จึงต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ได้ป้องกันตัวเองให้มากขึ้น โดยมาตรการที่สำคัญคือ เมื่อมีญาติพี่น้องเราที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดหรือต่างถิ่น ก่อนที่จะเข้าบ้านให้ญาติพี่น้องเราตรวจ ATK ก่อน อาจซื้อ ATK จากร้านขายยา หรือสามารถใช้บริการได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ ต่อมาคือการทำกิจกรรมต่างๆ ในชุมชน เช่น งานศพ งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา สามารถรับประทานอาหารได้ แต่ให้เว้นระยะห่าง และใช้ระยะเวลารับประทานอาหารให้สั้นที่สุด และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกับคนที่มาจากต่างจังหวัด พยายามนั่งห่างๆ คนที่มาจากต่างถิ่น

สำหรับการรักษาผู้ป่วยในปัจจุบันของกระทรวงสาธารณสุข จะเน้นการรักษาแบบ Home Isolation หรือว่า HI ซึ่งผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่หนักนั้น เราจะให้เลือกรักษาตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน โดยจะมีการส่งชุดที่เกี่ยวข้องกับการรักษา ซึ่งเป็น Set Box ไปที่บ้าน เช่น เครื่องตรวจวัดความเข้มข้นของออกซิเจน, เครื่องวัดอุณหภูมิ, เจล, หน้ากากอนามัย, ถังขยะ และที่สำคัญ คือ อาหาร ที่จะมีการส่งให้ทั้งหมด 14 วัน และโทรศัพท์ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถติดต่อได้กับคุณหมอ พยาบาล ที่โรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรายงานอาการทุกๆ วัน เนื่องจากว่าช่วงนี้ผู้ป่วยมีแนวโน้มมีจำนวนที่มากขึ้น เตียงในโรงพยาบาลนั้น น่าจะมีจำนวนที่ไม่เพียงพอในอนาคต ซึ่งโรงพยาบาลของเราจะมีประมาณ 400 กว่าเตียง โดยขณะนี้มีผู้ป่วยครองเตียงกว่า 300 ราย ใน 1 – 2 เดือนนี้ก็อาจจะล้นโรงพยาบาล จึงเน้นการรักษาแบบ Home Isolation ให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยในระยะหลังจะไม่ค่อยมีอาการ ถึงมีอาการก็จะมีอาการไม่มาก เชื้อไม่ค่อยจะลงปอดเนื่องจากว่า ผู้ป่วยของเราได้รับการฉีดวัคซีนเกือบจะทั้งหมดแล้ว จึงสามารถจะรักษาที่บ้านได้ตามความยินยอมของผู้ป่วย จึงขอประชาสัมพันธ์ว่า ในอนาคต ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ ก็จะส่งเสริมให้ผู้ป่วยรักษาตัวกันที่บ้านให้มากขึ้น

สำหรับวัคซีนที่ทางกระทรวงสาธารณสุข มุ่งเน้นให้ฉีดในเด็ก ตอนนี้ก็จะเน้นฉีดในเด็ก 5 – 11 ขวบ ซึ่งจังหวัดบึงกาฬจะเริ่มฉีดในสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ตอนนี้ทางส่วนกลางก็ทยอยฉีดวัคซีนให้เราทุกสัปดาห์ สัปดาห์นี้ก็ได้ทั้งหมด 1930 โดส เป็นยี่ห้อไฟเซอร์ ซึ่งมีความเข้มข้นต่ำกว่าวัคซีนของผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยสูง โดยจังหวัดบึงกาฬได้มีการสำรวจเด็กอายุระหว่าง 5 -11 ขวบ มีข้อมูลประมาณทั้งหมด 37,000 กว่าคน ตอนนี้ประสงค์ฉีดวัคซีนประมาณ 16,000 กว่าคน ซึ่งสถานที่ฉีดวัคซีนก็คือ เราได้ส่งวัคซีนไปแต่ละอำเภอ หากอำเภอใดมีกลุ่มเป้าหมายเยอะ เราก็จะฉีดที่โรงเรียน ส่วนถ้าเป้าหมายไม่มาก ก็จะนัดเด็กมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล สำหรับเด็กที่ป่วยก็จะได้มาฉีดที่โรงพยาบาลทุกราย จึงขอรณรงค์ให้มีการรับวัคซีนให้มากที่สุด เพราะแม้จะป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็น แต่ก็ลดความเสี่ยงอาการรุนแรง และลดการเสียชีวิตได้