ข่าวต้นฉบับ https://www.amarintv.com/news/detail/140795
กรณีวันที่ 3 ก.ค. 65 ร.ต.อ.ชาญชัย ภูล้นแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.ป่งไฮ จ.บึงกาฬ ได้รับแจ้งมีคนฆาตกรรม ที่ร้านขายของชำ พื้นที่หมู่ 1 บ้านป่งไฮ ต.ป่งไฮ อ.เซกา จ.บึงกาฬ ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ด้านล่างเปิดเป็นร้านขายของชำ ตั้งอยู่กลางชุมชน
ที่ด้านหลังแผงวางสินค้าติดทางขึ้นบันไดชั้น 2 พบศพนางอนัญญา บุญปากดี หรือ เจ๊แดง อายุ 47 ปี เจ้าของบ้าน และเจ้าของร้านชำ ถูกคนร้ายใช้ของมีคมปาดคอเป็นแผลเหวอะหวิดขาด นอนหงายจมกองเลือดอยู่บนเตียงนอนโซฟา เสื้อยืดถูกถลกขึ้นมาถึงใต้ราวนม
ล่าสุดวันที่ 11 ก.ค. 65 ช่วงเช้าทางตำรวจชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าไปเก็บหลักฐาน ที่บ้านของนายวัชระ สีไสย์ หรือ น้ำ อายุ 33 ปี ที่ตำรวจคุมตัวไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยรายล่าสุดที่มีลักษณะคล้ายกับคนที่เดินผ่านกล้องตอนฝนตกช่วงตี 2 กว่า ในคืนวันเกิดเหตุ
ซึ่งจากการตรวจสอบ นายน้ำมีลักษณะใกล้เคียงกับคนในกล้องและมีลักษณะใกล้เคียงกับนายต่าย ข้อมูลเบื้องต้นตำรวจได้เข้าไปเก็บหลักฐาน เช่น หมอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู ผ้าม่าน และเสื้อผ้าที่นายน้ำ ใส่ในคืนเกิดเหตุไปตรวจสอบ
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านนายน้ำ ห่างจากร้านเจ๊แดงประมาณ 200 เมตร ใกล้กับวงจรปิดในคืนเกิดเหตุที่จับภาพคนเดินตากฝนออกมาจากซอยดังกล่าว นางวรรณ อายุ 55 ปี แม่ของนายน้ำ ให้ข้อมูลว่า ส่วนตัวไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับลูกชาย ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกชายไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เพิ่งจะกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับตาและยายที่บ้านหลังนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะเป็นโรคเก๊าท์ ขาไม่ดีจึงทำงานไม่ได้
เมื่อวานนี้รู้สึกตกใจมาก ที่ตำรวจมาคุมตัวลูกชายออกไปจากบ้าน จึงมานอนอยู่กับตาและยาย เพราะตำรวจไม่ได้บอกว่าจะปล่อยลูกชายกลับบ้านตอนไหน และคุมตัวลูกชายไปเรื่องอะไร ซึ่งเมื่อคืนนี้ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ตำรวจชุดแรกได้เข้ามาขอเก็บเสื้อผ้าของลูกชายไปตรวจสอบ และบอกแต่เพียงว่าลูกชายเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด แต่พอมาช่วงเช้าประมาณ 8 โมง ตำรวจขนกำลังมาที่บ้านอีกกว่า 10 นาย รวมถึงเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาขอเก็บหลักฐานเพิ่มเติม คือ หมอน ผ้าห่ม ผ้าม่าน ผ้าขนหนู ไป จึงเอะใจว่า ตำรวจกำลังทำอะไรกันแน่ แล้วลูกชายไปเกี่ยวข้องอะไรกับคดีเจ๊แดงหรือไม่
ตนยอมรับว่า ลูกชายเสพยาเสพติดจริง แต่ไม่เชื่อว่าลูกชายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเจ๊แดง เพราะวันเกิดเหตุ ตากับยายเป็นพยานได้ว่าอยู่กับลูกชายทั้งคืน ยืนยันลูกชายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเจ๊แดง ตอนนี้กังวลมากว่าลูกชายจะเป็นแพะ หากลูกชายผิดจริงก็ขอให้ตำรวจดำเนินการโดยมีหลักฐานชัดเจน เรื่องคนที่เดินผ่านวงจรปิด ยอมรับว่าดูภาพแล้วมีลักษณะเหมือนลูกชายจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเดินไปไหนทำอะไรในคืนนั้น
นายณัฐภณ พิศคำ กำนัน ต.ป่งไฮ เปิดเผยว่า เมื่อเช้านี้ประมาณ 8 โมง เจ้าหน้าที่ประสานมาว่าจะเข้าค้นบ้านของนายน้ำ การตรวจค้นดังกล่าว ถึงตำรวจจะไม่มีหมายค้น แต่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของบ้าน ตนเองได้แค่ยืนดูเป็นพยาน แล้วก็ไม่รู้ว่าทางตำรวจเก็บหลักฐานอะไรไปบ้าง ซึ่งตัวนายน้ำเป็นลูกหลานคนในพื้นที่ ที่กลับมาจากกรุงเทพฯ และมาอาศัยอยู่กับตาและยาย ในหมู่บ้านเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ซึ่งพฤติกรรมของนายน้ำ เป็นคนที่มักจะเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านกับตาและยาย โดยไม่ค่อยจะออกมาสุงสิงกับใครในหมู่บ้าน ยอมรับในขณะนี้ ตนเองได้รับข้อมูลจากชาวบ้านเยอะ เกี่ยวกับคดีเจ๊แดง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดเหตุกังวลใจมากว่าตำรวจจะจับแพะในคดีนี้ เนื่องจากมีชื่อตำรวจในพื้นที่คือดาบคนหนึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ชาวบ้านที่ถูกตำรวจชุดคลี่คลายคดีนำตัวลูกหลานไปสอบปากคำเป็นผู้ต้องสงสัย ร้องเรียนเข้ามาให้ช่วยตรวจสอบการทำงานของตำรวจ
โดยจากการตรวจสอบ ทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีทำงานอย่างตรงไปตรงมา ทำให้มั่นใจว่าคดีนี้ตำรวจมีข้อมูลเยอะ ไม่มีทางจับแพะแน่นอน อย่างไรก็ตาม ก็ขอฝากบอกชาวบ้านผ่านอมรินทร์ ทีวี ให้มั่นใจการทำงานของตำรวจ ถึงตอนนี้ตามข้อมูลเชื่อว่าตำรวจใกล้ปิดคดีนี้ได้แล้วจากหลักฐานทั้งหมด
กล้องวงจรปิดร้านชำที่หน้าวัดธรรมาธิปไตย เป็นเส้นทางจากบ้านของนายน้ำไปสู่บ้านร้านของเจ๊แดง เป็นภาพที่จะเห็นถนนเส้นนี้ชัดเจน แต่ถูกหมุนกล้องกลับไปทางอื่นในเวลา 01.02 น. ไม่ให้เห็นเส้นทางว่าใครเดินผ่านไปผ่านมาในช่วงเวลานี้บ้าง คาดว่านายน้ำหมุนกล้องไปทางอื่น เพื่อไปก่อเหตุทั้งขาไป-ขากลับ ไม่ให้เห็นตัวเองเดินผ่านกล้องในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนจะไปโผล่ที่กล้องวงจรปิด เดินฝ่าสายฝนในช่วงตี 2 กว่า
ทีมข่าวได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีเจ๊แดง ว่านายน้ำได้รับสารภาพว่าเป็นลงมือฆ่าเจ๊แดง ส่วนพฤติการณ์ตำรวจจะขอแถลงรายละเอียดในวันพรุ่งนี้เวลา 11.00 น.
นายสุวร รัตนศรี อายุ 47 ปี พนักงานขับรถขนขยะ เทศบาลตำบลป่งไฮ กล่าวว่า เมื่อเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้พาตัวเองไปหาหลักฐานที่บ่อขยะแห่งหนึ่ง พื้นที่ อ.เซกา จ.บึงกาฬ สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่านายน้ำได้ทิ้งหลักฐานเป็นโทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าของผู้เสียชีวิตไว้ในกระสอบ
เมื่อเช้าวันนี้นายเกตุ คุณตาของนายน้ำได้นำกระสอบปุ๋ยดังกล่าวทิ้งกับรถขนยัของเทศบาล วันนี้เจ้าหน้าที่จึงพาตัวเองไปหาหลักญานดังกล่าวที่บ่อขยะ นายสุวร เวลาประมาณ 07.00 น. ตัวเองได้ขับรถเก็บขยะไปรับขยะที่หน้าบ้านของนายน้ำ และนายเกตุ คุณตาของนายน้ำได้เป็นคนเอากระสอบถุงปุ๋ยที่ใส่หลักฐาน มาทิ้งหน้าบ้านของเขา กระทั่งเช้าวันนี้ตัวเองจึงมีการไปเก็บขยะดังกล่าวใส่รถ และเอาไปทิ้งที่บ่อขยะ
ทีมข่าวได้คลิปวงจรปิด วินาทีรถกระบะขับออกมาจากบ้านนายน้ำ เวลา 08.15 น. รถขนขยะสีเขียวได้ขับออกจากบ้านนายน้ำ หลังจากไปรับขยะที่บ้านนายน้ำ ซึ่งมีหลักฐานทางคดีถูกทิ้งในกระสอบมา แล้วขับผ่านบ้านหลังหนึ่ง ก่อนจะขับมุ่งหน้าไปทิ้งขยะที่ บ่อฝังกลบขยะเทศบาลตำบลศรีพนา อ.เซกา จ.บึงกาฬ
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ่อฝังกลบขยะเทศบาลตำบลศรีพนา อ.เซกา จ.บึงกาฬ เป็นบ่อขยะขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่ เป็นจุดที่รถขนขยะ ได้รับขยะจากหมู่บ้านของเจ๊แดงมาทิ้งที่บ่อดังกล่าวนี้ ตอนที่ทีมข่าวมาถึงพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานบ่อขยะได้กลับกันหมดแล้ว
นางวรรณ เปิดใจหลังทราบว่าลูกชายสารภาพว่า ถ้าหากลูกรับสารภาพแล้วก็แล้วแต่เวรแต่กรรม เพราะที่ผ่านมาตนเองไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูก ถามว่าก่อนหน้านี้ ลูกเคยเดือดร้อนเรื่องเงินหรือไม่ ก็มีบ้าง ล่าสุดก็เพิ่งจะให้น้าซื้อโทรศัพท์ส่งมาให้ ส่วนเงินที่ลูกชายฃมีใช้มีกินทุกวันนี้ ก็ขอตนเองบ้าง ทีละร้ 100-200 บาท แต่จะใช้เงินพิการรายเดือนของยายเป็นหลัก เนื่องจากที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนหาข้าวปลาให้ตากับยายกิน ยอมรับว่าเมื่อต้นปี 2559 ลูกชายเคยถูกดำเนินคดี ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ที่กรุงเทพฯ จนต้องติดคุกไป 2 ปี 6 เดือน พอพ้นโทษ ก็กลับมาอยู่ที่บ้าน ไป ๆ มา ๆ จ.บึงกาฬ กับ กรุงเทพฯ
ตนยอมรับว่าที่ผ่านมา เห็นข่าวฆาตกรรมมาตลอด และเคยเตือนลูกตลอดว่าอย่าเสพยา ได้แต่บอกว่าอย่าไปทำอะไรรุนแรงเหมือนในข่าว ซึ่งคดีเจ๊แดง ตนเองติดตามข่าวจากทางช่องอมรินทร์ ทีวี ทุกวัน และไม่เคยคิดว่าลูกจะมาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพราะที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนหัวอ่อน เห็นเลือดก็ยังกลัว ส่วนวงจรปิดที่ปรากฏในข่าวก็ไม่ชัดว่าจะเป็นลูกชาย คล้ายที่ลูกชายเป็นคนเดินลากขาเท่านั้น ถึงตอนนี้หากลูกชายเป็นคนฆ่าเจ๊แดง ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ทำผิดก็ต้องได้รับโทษ เสียใจมาก ตอนนี้ยังไม่ได้บอกให้ตากับยายรู้ เพราะว่ากลัวว่าตากับยายจะรับไม่ได้ ตอนนี้ยังอยากจะถามกับลูกว่าตกลงเป็นคนฆ่าจริงหรือไม่ แล้วทำไปทำไม และยังข้องใจอยู่ว่าตั้งแต่ตำรวจคุมตัวลูกไป ทำไมตำรวจถึงไม่ยอมบอกว่าเอาลูกไปสอบปากคำที่ไหน
ในใจยังคิดอยู่ว่าลูกชายไม่กล้าฆ่าเจ๊แดง อยากจะฟังจากปากลูกว่าสรุปแล้วยอมรับสารภาพเป็นคนฆ่าจริง หรือตำรวจบังคับให้รับ และถ้าหากลูกชายรับว่าทำจริง ก็อยากจะพาลูกไปขอขมากระดูกเจ๊แดง
นางการละคร บุญปากดี แม่ของเจ๊แดง เล่าว่า วันที่ 4 ก.ค. 65 มีผู้ชายคนหนึ่งผิวคล้ำ ตัวเองไม่รู้ว่าเขามากับดาบโจ้หรือไม่ เขาได้มากำธูปไป 1 กำ ก่อนจะเอาไปจุดข้างนอกบ้าน จากนั้นดาบโจ้ก็มากำธูปจากหน้าโลงศพลูกสาวตัวเองจุดที่หลังบ้าน ซึ่งดาบโจ้เขามีการกำธูปไปจุดทั้งหมด 2 รอบ ตัวเองก็ไม่รู้ว่าตอนที่ดาบโจ้ไปปักธุปหลังบ้านนั้น เขามีการอธิษฐานว่าอะไร ตัวเองก็ไม่ได้ไปฟังด้วย แต่ตัวเองก็สงสัยว่าทำไมดาบโจ้เขาถึงจุดธูปแบบนั้น
มีอยู่วันหนึ่งดาบโจ้ เขาได้มาไหว้ศพลูกสาว ซึ่งตอนนั้นศพอยู่ในโลง แล้วตัวเองก็เห็นว่าดาบโจ้เขาใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปโลงศพลูกสาว ซึ่งจังหวะที่ดาบโจ้ถ่ายรูป เขาก็ร้องขึ้นมาว่า “โอ้ว” ตัวเองจึงถามเขาว่าเป็นอะไร ดาบโจ้เขาก็บอกว่า “ไม่เห็นกันหรือไง มือเจ๊แดง มาอยู่ในโทรศัพท์” จากนั้นดาบโจ้เขาก็เรียกชาวบ้านแถวนั้นไปดูโทรศัพท์ของเขา แต่ก็ไม่มีใครเห็นภาพมือเจ๊แดง
นอกจากนี้ มีอยู่วันหนึ่ง จำได้แค่ว่าหลังจากที่เจ๊แดงเสียชีวิตแล้ว ดาบโจ้มาถามตัวเองว่า “แม่ ถ้าผู้ต้องหามาขอขมาศพ จะให้เขาขอขมาศพไหม” แต่ตอนนั้นตัวเองและครอบครัวก็ไม่ได้ตอบ เพราะยังวุ่นกับงานศพอยู่ เมื่อเช้าวันที่ 4 ก.ค. 65 ดาบโจ้มาที่บ้านของตัวเอง แล้วมารับตัวเองพร้อมสามีไปปล่อยเต่าที่วัด ซึ่งเต่าตัวดังกล่าวเป็นเต่าที่ดาบโจ้และเจ๊แดงซื้อมาตั้งแต่เจ๊แดงยังไม่เสียชีวิต แล้วเขาตั้งใจจะไปปล่อยเต่ากับเจ๊แดง เพราะเคยมีหมอดูทักว่าเจ๊แดงดวงตก แต่เจ๊แดงมาเสียชีวิตเสียก่อน
ซึ่งตอนที่ปล่อยเต่า ดาบโจ้เขาก็อธิษฐานบางอย่าง แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเขาอธิษฐานว่าอะไร แต่เต่าไม่ยอมเดินลงน้ำ และยังมองหน้าตัวเองอีก ตัวเองจึงพูดว่า “ถ้าใครทำลูก ก็ให้เขาได้รับกรรมเร็ว ๆ” จากนั้นเต่าตัวดังกล่าว จึงยอมเดินลงน้ำ ตอนนี้ดาบโจ้ยังไม่ได้มาหาตัวเองอีกเลย หลังจากเป็นข่าว ก่อนจะเกิดเหตุดาบโจ้จะมาหาลูกสาวตัวเองค่อนข้างบ่อย ทั้งเช้า สาย และเย็น ส่วนใหญ่ก็มาหยิบเหล้าเบียร์ที่ร้านไปดื่ม
นายทนงศักดิ์ ถานันดร อายุ 37 ปี ชาวบ้าน เล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณวันที่ 4 ก.ค. 65 ตัวเองได้ไปเก็บต้นบอนมา เพื่อจะเอาไปให้ครอบครัวของเจ๊แดงทำพิธีเอาบอนทาปากเจ๊แดง เพราะตามความเชื่อของชาวอีสานเชื่อว่า หากใครถูกฆ่าตาย แล้วยังจับคนร้ายไม่ได้ ให้เอาบอนไปทาปาก เนื่องจากยางบอนมีความคัน ทำให้วิญญาณคนตายบอกเบาะแสว่าใครคือคนร้ายได้
กระทั่งตัวเองเอาต้นบอนไปให้กับพี่สาวของเจ๊แดง แล้วก็ได้ยินมาว่าดาบโจ้ไปแย่งเอาบอนจากพี่สาวเจ๊แดงมาอีกที เขาอ้างว่าเขาจะเอาบอนไปทาปากเจ๊แดงเอง ต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าดาบโจ้เอาบอนไปทาปากเจ๊แดงหรือไม่ เพราะตอนนั้นตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และออกมาจากงานก่อน
ทีมข่าวได้ไปเจอกับพ่อตาของดาบโชค หรือดาบโจ้ ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่เกิดเหตุยอมรับว่าเคยคุยกับดาบ ซึ่งที่ผ่านมาตนเองบอกกับดาบเสมอว่าหากทำผิดก็ยอมรับ โทษหนักจะได้เป็นเบา แต่ดาบได้แต่เสียใจ ยังสาบานกับตนเองว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเจ๊แดง สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ของดาบกับลูกสาวตนเองได้เลิกรากัน ประมาณ 2 เดือนแล้ว ที่นักข่าวตามไปถึงบ้านลูกสาว ในวันนั้นเป็นวันที่ดาบไปหาหลานตนเอง คือลูกของดาบเท่านั้น ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ดาบกับเจ๊แดง ตนเองรู้แค่ว่าดาบมีความสัมพันธ์กับเจ๊แดง ในฐานะลูกค้าที่ไปซื้อเหล้ากินเท่านั้น จะมีอะไรมากกว่านั้นตนเองไม่รู้
โดยจากข้อมูล พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เดินทางไปแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ทั้งหมดพรุ่งนี้ เวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งคดีนี้พบศพเจ๊แดง ช่วงเวลา 04.19 น. ถึงวันนี้เป็นเวลา 8 วัน ยึดจากข้อมูลที่ตำรวจให้ข้อมูลว่านายน้ำสารภาพ เป็นเวลาทั้งหมด 8 วัน 13 ชั่วโมง รวมเวลาตำรวจทำการสอบสวนจนนายน้ำรับสารภาพ เป็นเวลารวมทั้งหมด 28 ชั่วโมง 39 นาที