บึงกาฬ ชาวบ้านร้องนายก อบต.ปากคาดตัดไม้พระยูงอายุ 40 ปีไม่แจ้ง
ชาวบ้านร้องสื่อไม่พอใจนายก อบต.ตัดต้นไม้พะยูงอายุกว่า 40 ปี ออกจากบริเวณแนวรั้วไปโดยไม่แจ้งให้ชาวบ้านได้รับทราบก่อน พอไปสอบถามก็อ้ำอึ้งตอบไม่ชัดเจนว่าไม้พะยูงเอาไปไหนทำอะไร เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าสอบถามชี้แจงว่าชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ข้างๆ ร้องเรียนให้ตัดออกเกรงล้มทับบ้าน และพาไปดูไม้พะยูงที่เก็บไว้ แต่ชาวบ้านกลับข้องใจว่าจะเป็นไม้ต้นตอเดียวกันหรือเปล่า
เมื่อเวลา 8.30.นวันที่ 22 ก.ค.ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านห้วยไม้ซอด ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ ว่าต้นไม้พะยูงอายุกว่า 40 ปีสูงประมาณ 7 เมตร วัดเส้นรอบต้นยาว 141 ซม.เส้นผ่าศูนย์กลางยาว 47 ซม.ที่เกิดอยู่ภายในบริเวณแนวรั้วของ อบต.ปากคาด ได้ถูกนายบุญเหลือ ราชภักดิ์ นายก อบต.ปากคาดและคณะผู้บริหารตัดโค่นเอาไป โดยไม่ได้แจ้งให้ชาวบ้านได้รับทราบก่อนว่ามีความประสงค์จะเอาไปไหนทำประโยชน์อะไร ส่วนรวมหรือไม่ และได้ขออนุญาตหน่วยงานเกี่ยวข้องได้รับทราบและอนุญาตให้ตัดโค่นได้หรือเปล่า เมื่อชาวบ้านเข้าไปสอบถามก็ได้รับคำตอบไม่ชัดเจนอ้ำอึ้งบ่ายเบี่ยงไปว่า ต้นไม้พะยูงดังกล่าวที่ตัดลงมาแล้วเก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อจะนำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์มาใช้ในสำนักงาน อบต.แต่เมื่อชาวบ้านขอไปดูไม้พะยูงดังกล่าวกลับไม่ให้ดู ยิ่งทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าจะนำไปใช้ส่วนตัวแล้ว จึงได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวให้มาช่วยตรวจสอบให้ด้วย
นายประสาทศักดิ์ ประณีตพลคลัง อายุ 63 ปี ชาวบ้านห้วยไม้สอด หมู่ที่ 9 กล่าวว่า เมื่อได้ทราบว่าต้นไม้พะยูงหวงห้ามที่เกิดอยู่ภายในเขต อบต.ปากคาดมานาน จึงได้ช่วยกันบำรุงรักษาให้งอกงามเติบโต แต่ถูกผู้บริหารตัดโค่นออกไปโดยไม่มีการแจ้งให้ชาวบ้านได้ทราบ เมื่อเข้าไปสอบถามก็ให้คำตอบไม่ชัดเจน จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายอำเภอปากคาดและสำงาน ป.ป.ช.จังหวัดบึงกาฬ ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ว่าได้ขออนุญาตตัดโค่นถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ แต่หากว่าไม้ที่ตัดโค่นออกไปยังเก็บรักษาเอาไว้ก็น่าจะให้ชาวบ้านดูได้ แต่กลับไม่ยอมพาไปดู ยิ่งสร้างความเคลือบแคลงสงสัยว่าเอาไปพะยูงต้นนี้ไปทำประโยชน์ส่วนตัว ไม่เหมือนคำที่กล่าวอ้างกับผู้สื่อข่าวว่าทำเฟอร์นิเจอร์มาใช้ใน อบต.พาไปดูให้หายสงสัยก็จบ หรือเพียงอยากดูว่ามันเป็นไม้ต้นเดียวกันหรือไม่กับที่ตัดโค่นเอาไปเท่านั่นเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุการณ์ว่า ขณะที่นายชัยรัตน์ งามดี รองนายก อบต.และทีมงานผู้บริหารลงจากห้องทำงานมาพบกับชาวบ้านที่เข้ามาสอบถามประมาณ 10 คน ได้ชี้แจงเรื่องเหตุที่ตัดต้นพะยูงเจ้าปัญหาและตัดแล้วเอาไปเก็บไว้ที่ไหน โดยชาวบ้านรุกเร้าอยากเห็นไม้ที่เก็บไว้ จึงเกิดการปะทะคารมณ์โต้เถียงเสียงดังขึ้นทั้ง 2 ฝ่ายประมาณ 10 นาที โดยนายประสาทศักดิ์ ชาวบ้านที่มาสอบถามได้ต่อว่ารองนายกว่า ก่อนหน้าที่ชาวบ้านมาท้วงติงไม่เห็นมีท่อนไม้หรือกิ่งไม้เหลืออยู่สักท่อน แต่พอถูกหวงถามวันหลังมาจึงเห็นท่อนปลายของพะยูงมากองเอาไว้ หากเห็นอย่างนี้ทีแรกก็จะไม่เกิดประเด็นปัญหา แต่ยังติดใจอยู่ว่ามันเป็นกิ่งไม้หรือปลายไม้ต้นเดียวกันหรือไม่ โดยยิงคำถามไปหารองนายกชัยรัตน์แบบมีอารมย์ ถึงขนาดต้องชี้หน้ากัน ต่อหน้าผู้สื่อข่าวสุดท้ายก็เสียงผ่อนลงทั้งคู่ จึงแยกย้ายออกจากกันไป
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบสัมภาษณ์นายบุญเหลือ ราชภักดิ์ นายก อบต.ปากคาค ในห้องทำงานซึ่งนั่งรออยู่ โดยได้พบกับ นางฉวีวรรณ กุสุมาลย์ อายุ 48 ปี เจ้าของบ้านที่ตั้งอยู่ติดกับกำแพง อบต.และบ้านอยู่ติดกับต้นพะยูง ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียนกับนายกบุญเหลือว่า ได้รับความเดือดร้อนจากต้นพะยูง เนื่องจากใบปกคลุมหลังคาบ้าน และก็กิ่งโน้มเอนมาเบียดหลังคาสังกะสี ใบร่วงหล่นตกมากองสะสมจนหลังคาทะลุ เวลามีลมพัดไปมาทำให้กิ่งไม้พะยูงไปครูดเสียดสีทำให้เกิดเสียงดังจนนอนไม่หลับ หลับอยู่ดีๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่น อยู่ในบ้านก็อาศัยอยู่แบบผวากลัวต้นไม้หักโค่นทับบ้าน จนต้องอพยพไปนอนในสวนยางพารา แต่หลังจากตัดต้นพะยูงออกไปแล้วก็ไม่มีเสียงรบกวนนอนหลับได้สนิท คงต้องกลับเข้ามานอนเฝ้าบ้านเหมือนเดิม ต้องขอขอบคุณ (ยกมือไหว้) คณะผู้บริหาร อบต.ปากคาดที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ
ทางด้านนายบุญเหลือ นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ข้างเคียง อบต.ปากคาด ว่ามีรากไม้ไปดันกำแพงบ้านเสียหาย กิ่งไม้ใบไม้หล่นทับหลังคาบ้านเดือดร้อนมาก เพราะหลังคาบ้านทะลุ ซึ่งชาวบ้านได้แจ้งด้วยวาจามา 2 ครั้ง แล้วจึงได้ทำหนังสือร้องเรียนมาเป็นลายลักอักษร เพื่อให้ดำเนินการตัดต้นไม้ก่อนที่ต้นไม้พะยูงจะสร้างความเสียหายให้กำแพงบ้าน หรือต้นไม้ล้มทับบ้าน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน กระผมจึงได้แจ้งให้พนักงานตัดต้นไม้เป็นท่อนๆ เก็บไว้ที่ อบต.ปากคาด ซึ่งได้ทำตามอำนายหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.สภาตำบล พ.ศ. 2562 มาตรา 59(4) ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้กับชาวบ้าน ส่วนไม้พะยูงที่ตัดลง ผู้บริหารตกลงกันว่าจะเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์นำมาใช้ในสำนักงานใช้ในการต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือน ผู้สื่อข่าวถามว่าไม้ที่ตัดลงมาเก็บไว้ที่ไหน นายกตอบว่าเก็บใน อบต.นี่หละ โดยมีกรรมการดูแลอยู่ ถ้าหากชาวบ้าอยากจะดูก็มาดูได้ จากนั้นนายกชัยรัตน์ งามดี รองนายก กับนายไมตรี เรเรือง เลขาฯ จึงได้พาผู้สื่อข่าวไปดูไม้ที่เก็บเอาไว้ที่กองอยู่ใกล้โรงจอดรถด้านหลัง โดยมีแผ่นผ้าไวนิลปกคลุมเอาไว้ และได้ช่วยกันหามขึ้นรถเข็นเข้าไปเก็บไว้ในห้องเก็บพัสดุ เพื่อป้องกันสูญหายโดยได้พ่นสีหมายเลขกำกับเอาไว้ด้วย.