คุณผู้ชมคงนึกว่า วาฬ จะมีให้เห็นเฉพาะในทะเลเท่านั้นใช่ไหม แต่ปรากฎว่า วันนี้คุณหนุ่ม อนุวัต จะพาคุณผู้ชมไปเสาะหาวาฬกันที่ภาคอีสาน จังหวัดบึงกาฬ แปลกใจกันน่าดู เป็นอย่างไร ไปพบคำตอบใน “อนุวัตจัดให้”
วิวที่คุณผู้ชมเห็น และรูปร่างของหินแปลกตาที่เกิดจากธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์และป่าดงสีชมพู หลายคนมักเรียกสั้นๆว่า ภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ อนุวัตจัดให้ จะพาไปดูเสน่ห์ของภูสิงห์ที่แตกต่างจากที่อื่น รับประกันว่าสวยแน่นอน แต่ต้องรอเช้าก่อน
อากาศทางภาคอีสานช่วงนี้กำลังสบายคืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ รุ่งเช้าเราจะออกถ่ายภาพวาฬ คุณผู้ชมฟังไม่ผิดหรอก ที่อีสานก็มีวาฬเหมือนกันหน้าตามันจะเป็นยังไง ตี 5 เรามาลุ้นกัน
ทีมงานออกเดินทางไปตั้งแต่เช้า เพื่อรอถ่ายภาพวาฬ นั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อขึ้นไป 3 กิโลเมตร ถึงจุดชมวิว จากนั้นเดินต่อไปทางหน้าผาอีกนิด เจ้าหน้าที่บอกให้พวกผมเดินระวัง เพราะอาจลื่นตกลงหน้าผาได้ ใกล้รุ่งสางแล้วถึงเวลาที่วาฬพ่อแม่ลูกจะตื่นขึ้นพร้อมกัน
ผมเดินมารอแสงแรกกำลังจะมา ตาก็มองหาวาฬแต่ไหนล่ะวาฬมองซ้าย มองขวาก็ยังไม่เจอ พี่ๆเขาบอกว่า ตอนนี้ อนุวัตจัดให้ กำลังยืนอยู่บนหลังวาฬแล้วล่ะ
คุณผู้ชมเห็นวาฬหรือยัง ต้อนรับเข้าสู่ หินสามวาฬ ภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ เป็นหินสามก้อนเรียงติดกัน เมื่อถ่ายภาพ มุมสูงแล้ว จะเห็นเหมือน วาฬ พ่อ แม่ ลูกว่ายน้ำมาด้วยกัน
ผมยืนอยู่วาฬตัวพ่อขวามือสุด เป็นหัวหน้าฝูง ตัวกลางคือแม่วาฬ และซ้ายสุดเป็นลูกวาฬกำลังมุดหัวกินนมแม่อยู่ แปลกตามาก นอกจากสวยแล้ว หินเหล่านี้ยังมีอายุเก่าแก่อีกด้วย
ตั้งแต่ 75 ล้านปี สมัยก่อนชาวบ้านเรียกหินเหล่านี้ว่า หินข้าวต้มมัด เพราะเห็นแค่ 2 ก้อน แต่พอถ่ายภาพมุมสูง เห็นรูปร่างของหินคล้ายวาฬ จึงตั้งชื่อว่าหินสามวาฬ ยังไงล่ะ
หากคุณผู้ชมจะมาถ่ายภาพ แนะนำว่าต้องมาช่วงเช้า เพราะแสงอาทิตย์จะขึ้นฝั่งประเทศลาว เมื่อแสงส่องเข้ามา ก็จะทำให้เห็นหินเป็นรูปวาฬอย่างชัดเจน
ภูสิงห์ ไม่ได้มีแค่วาฬ แต่ยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกมากมาย แต่เวลาหมด ตามต่อพรุ่งนี้