วันจันทร์ 10 สิงหาคม 2563
ติดตามเว็บไซต์
หน้าแรก > ข่าวเด่นบึงกาฬ คอลัมน์วันนี้ ท่องเที่ยว > เพจ เที่ยวเอง.กระเตงลูก ตะลุยอีสานเหนือ จ.บึงกาฬ

เพจ เที่ยวเอง.กระเตงลูก ตะลุยอีสานเหนือ จ.บึงกาฬ

หมวดหมู่ : ข่าวเด่นบึงกาฬ, คอลัมน์วันนี้, ท่องเที่ยว 25 กรกฎาคม 2020 เปิดอ่าน 242 ครั้ง ครั้ง

เที่ยวเอง.กระเตงลูก ตะลุยอีสานเหนือ EP.2 เที่ยวอลังการธรรมชาติ @บึงกาฬ เพจ เที่ยวเอง.กระเตงลูก

เว้นจาก EP.1ไปนานจนลูกเพจ inbox มาถาม ..ตอนนี้ที่เที่ยวและอุทยานฯเปิดกันครบแล้ว เลยได้เวลามากระเตงกันต่อ EP.2 กับทริปตะลุยอีสานเหนือ 6 วัน 5 คืน อุดรฯ-บึงกาฬ-หนองคาย กันเลยจ้าา😄 ..บึงกาฬ จังหวัดไฮไลท์เรื่องแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของทริปนี้ค่ะ ซึ่งหลังจากที่เราไปสัมผัสมาแล้วก็ยืนยันได้เลยว่า เป็นจังหวัดที่รวมแหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์ และ Unseen ที่สุดของประเทศไทยไว้มากมายจริงๆ แต่ละที่เรียกว่าสวยงามและอลังการไม่แพ้ที่ไหนในโลกเลยค่ะ ..กระเตงลูกเที่ยวบึงกาฬให้สนุก ต้องกายพร้อมใจพร้อม+เสบียงพร้อม นะคะ ^^ เพราะมีต้องปีนป่าย เดินไกล และหวาดเสียว(เพราะความสูง)กันตลอดเลยจ้า ..ถ้าพร้อมแล้วก็มาลุยกันเลย!!

🚗โปรแกรมกระเตง EP.2
(ย้อนอ่าน EP.1 อุดรฯ ได้ที่นี่จ้า : https://www.facebook.com/KraTengLuke/posts/192628175410656)

day3⃣(ศ.) บึงกาฬ : มื้อเช้าที่โรงแรมเดอะวัน >> ขับรถประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ไปวัดภูทอก หรือ วัดเจติยาคีรีวิหาร >> ขึ้นภูทอก (ใช้เวลาเดินขึ้นลงเวลาทั้งหมดประมาณ 3 ชม. ร่างกายต้องพร้อมนะคะ) >> มื้อเที่ยงส้มตำไก่ย่างหน้าภูทอก >> ช่วงบ่ายขับรถอีกประมาณ1ชั่วโมง ไปเล่นน้ำที่น้ำตกถ้ำพระ (เป็นน้ำตกที่ต้องนั่งเรือเข้าไปค่ะ จะมีจุดขึ้นเรือให้บริการอยู่ 2แห่ง แนะนำให้ไปช่วงตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค. เพราะช่วงหน้าแล้งจะไม่มีน้ำค่ะ ) >> ค่ำกลับมาเดินตลาดต้องชม ถนนคนเดินริมโขงบึงกาฬ (เปิด ศ.,ส. 17.00-21.00) >> พักที่โรงแรมเดอะวัน บึงกาฬ

day4⃣(ส.) บึงกาฬ >>หนองคาย : ออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่ ไปขึ้นหินสามวาฬ (ห่างจากโรงแรมประมาณ 20 นาที) >> นั่งรถบริการท่องเที่ยวขึ้นหินสามวาฬ และจุดท่องเที่ยวต่างๆภายในบริเวณภูสิงห์ ใช้เวลารวมประมาณ 2 ชม.>> กลับโรงแรมไปทานข้าวและเช็คเอ้าท์ (ที่โรงแรมเดอะวันมีสวนน้ำเล็กๆด้วยนะคะ เช็คเอ้าท์แล้วแวะเล่นได้ค่ะ) >> ทานมื้อเที่ยงริมโขง >> ขับรถไปหนองคาย 2 ชั่วโมงครึ่ง >> ติดตามต่อ EP.3 จ้า

🌟ข้อมูลที่เที่ยวที่พัก

วัดเจติยาคีรีวิหาร หรือ วัดภูทอก
หนึ่งในจุดหมายปลายทางของจังหวัดบึงกาฬ ที่พิสูจน์ทั้งร่างกายและจิตใจ > < จากบันไดไม้สูงชันนับร้อยขั้นที่ต้องปีนขึ้น ไปถึงทางเดินไม้แคบๆขนาดพอดีคนที่เลาะเลียบไปกับหน้าผาหินรอบเขาภูทอก เพื่อขึ้นไปสู่พื้นที่ปฏิบัติธรรมและวิวทิวทัศน์ด้านบน ที่นี่สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของ พระ เณร และชาวบ้านเป็นเวลาหลายปีค่ะ ก่อนที่จะเปิดให้เข้าไปเข้าชมกัน มีทั้งหมด 7 ชั้น พวกเราขึ้นถึงแค่ชั้นที่ 5 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด มีศาลากลาง กุฏิที่อาศัยของพระ และพุทธวิหาร ใช้เวลาเดินขึ้นลงทั้งหมดประมาณ 3 ชม. ทางขึ้นลงชันมากค่ะ อาจจะไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กๆมากๆ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพนะคะ แต่ถ้าพอไหวก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ! อย่าลืมเรื่องการแต่งตัวให้เหมาะสมกับเขตวัด เตรียมเสบียงและน้ำเผื่อเด็กๆหิวกันให้พร้อมนะคะ

เปิดทำการ ทุกวัน 8.00-17.00 ยกเว้นในวันที่ 10-16 เมษายน (ไม่มีค่าเข้าชม)
เบอร์ติดต่อ: 087 505 3448 , 042 325 406 ถึง 7

🏞น้ำตกถ้ำพระ
น้ำตก Unseen ที่ต้องนั่งเรือเข้าไปประมาณ 1 กม. (10นาที) และเดินเท้าต่ออีกประมาณ 300 เมตร ค่ะ มีจุดเด่นที่น้ำจะไหลจากผาก้อนหินที่สวยงาม ลงมาที่ลานหินกว้างใหญ่ที่มีร่องน้ำตื้นๆคดเคี้ยวตามธรรมชาติ จนเหมือนกับสไลเดอร์ตามสวนน้ำที่สามารถเล่นไถลลงมาได้ค่ะ ถ้าต้องการเล่นน้ำแนะนำให้ไปช่วงตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค. เพราะน้ำจะเยอะ ส่วนหน้าแล้งจะไม่มีน้ำแต่ก็สามารถนั่งเรือเข้าไปชมทิวทัศน์และถ่ายรูปได้ค่ะ (ที่พวกเรามาช่วงต้นปีเนื่องจากเป็นทริปต่อเนื่องกับ ทะเลบัวแดงอุดรฯ ซึ่งจะมีให้ชมเฉพาะช่วง ปลายปี.-มี.ค.จ้า)
จะมีจุดขึ้นเรือของชุมชนให้บริการอยู่ 2แห่งใกล้ๆกัน คือ ท่าเรือที่ 1 และท่าเรือที่2 ค่ะ (ก่อนเข้าไปสามารถโทรสอบถามสถานการณ์น้ำก่อนได้ค่ะ) ค่าเรือ คนละ 20 บาท ในช่วงวันหยุดและนักขัตฤกษ์ที่คนเยอะ หรือเหมาลำ ลำละ100บาท ในช่วงวันธรรมดา ภายในบริเวณน้ำตกไม่มีร้านค้านะคะ อาจจะเตรียมน้ำดื่มหรือของว่างเล็กน้อยเข้าไป ส่วนห้องน้ำก็ควรเข้าให้เรียบร้อยที่ท่าเรือชุมชนค่ะ พอถึงท่าเทียบเรือฝั่งน้ำตก จะมีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวเก็บค่าบริการอีกครั้งคือเด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท (ต่างชาติ 100 / 200 บาท) ผู้สูงอายุเข้าฟรี และต้องจ่ายมัดจำค่าขยะอีก 100 บาท (ขากลับจากเล่นน้ำตกนำขยะออกมาด้วยก็จะได้รับเงินค่ามัดจำคืนค่ะ) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขวดแก้วไม่อนุญาตให้นำเข้าทุกชนิดจ้า

จุดให้บริการเรือ น้ำตกถ้ำพระ
เปิดทำการ ทุกวัน 8:00–17:00
เบอร์ติดต่อ:
(ท่าเรือที่ 1) 088 308 1334, 085 725 6371
(ท่าเรือที่ 2) 098 646 8808

🌅หินสามวาฬ และจุดท่องเที่ยวในเขตภูสิงห์
หินสามวาฬ สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของบึงกาฬที่ไม่ควรพลาดค่ะ มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ 3 ก้อนรูปทรงรียาว เรียงตัวกันอยู่จนดูคล้ายวาฬ 3 ตัวค่ะ (แต่เดิมชาวบ้านเรียกกันว่าหินข้าวต้มมัดค่ะ^^) หินสามวาฬตั้งอยู่ในเขตของภูสิงห์ ซึ่งการเข้าไปเที่ยวจะต้องไปขึ้นรถโฟร์วีลที่จุดบริการรถของชุมชนนะคะ (ไม่สามารถนำรถเข้าไปเองได้เพราะเส้นทางลำบาก บางช่วงทางแคบต้องสื่อสารกันทางวิทยุค่ะ) ค่าบริการรถ+ไกด์ เหมาคันละ 500 บาท สามารถนั่งได้ถึง 10 คนค่ะ โดยในบริเวณภูสิงห์นอกจากหินสามวาฬแล้ว ยังมีจุดที่เที่ยวสวยๆหลายอีกหลายจุดค่ะ เช่น หินช้าง ประตูภูสิงห์ กำแพงภูสิงห์ หัวใจภูสิงห์ จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ ซึ่งทางพี่ไกด์ของเราก็จะขับพาเราชมได้ตามความต้องการและเวลาที่มีค่ะ (ใช้เวลาเที่ยวชมได้ตั้งแต่ 2-4 ชม. ค่ะ)
การขับรถไปจากตัวเมืองให้ค้นหาใน GPS ว่า “ภูสิงห์ หินสามวาฬ” นะคะ จะไปตรงจุดคิวรถ ถ้าพิมพ์หินสามวาฬเฉยๆ GPS จะพาไปคนละจุดกันเข้าไม่ได้ค่ะ หลงกันบ่อยจนมีป้ายปักบอกไว้เลยค่ะ (เราก็หลงเช่นกัน > < ) สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แนะนำเป็นช่วงเช้าเนื่องจากอากาศไม่ร้อน คิวรถเปิดบริการตั้งแต่ตีห้าครึ่ง(รอบชมพระอาทิตย์ขึ้น) ไปจนถึงห้าโมงเย็น ค่ะ
*เพิ่มเติมเรื่องโดรนที่หลายท่านสอบถามมา ช่วงที่เราไปเที่ยวมาเมื่อต้นปีสามารถนำโดรนขึ้นถ่ายรูปได้โดยแจ้งเจ้าหน้าไกด์ และแสดงเอกสารใบประกันภัยและใบอนุญาตค่ะ ไม่มีบริการโดรนถ่ายรูปนะคะ ต้องนำไปเองค่ะ (สอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ได้ทางเบอร์ติดต่อด้านล่างนะคะ)

เปิดทำการ ทุกวัน 5:30–17:00
เบอร์ติดต่อ: 08 8536 2717, 088 563 8852 (ฝ่ายบริหารทั่วไป ภูสิงห์ )


🍡ตลาดต้องชม ถนนคนเดินริมโขงบึงกาฬ
ถนนคนเดินริมแม่น้ำโขงของจังหวัดบึงกาฬ เปิดช่วงค่ำ มีอาหารเครื่องดื่ม สินค้า ของใช้ เสื้อผ้าจำหน่ายค่ะ
เปิดเฉพาะวัน ศุกร์และเสาร์ 17.00 -21.00 น.

🏠เดอะวันโฮเทล
โรงแรมใน อ.เมืองบึงกาฬ โลเคชั่นดี ราคาไม่แพง ห้องพักสะอาด เราจองห้องแบบดีลักซ์ ห้องกว้างมากกกค่ะ วิ่งเล่นได้เลย ที่นี่ยังมีสวนน้ำเล็กๆให้เด็กๆได้เล่นกันด้วยนะคะ
เบอร์ติดต่อ: 042 492 234

เที่ยวเอง.กระเตงลูก ตะลุยอีสานเหนือ EP.2 เที่ยวอลังการธรรมชาติ @บึงกาฬ พร้อมลุยจ้าาา

หินสามวาฬ
หินสามวาฬ สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของบึงกาฬที่ไม่ควรพลาดค่ะ มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ 3 ก้อนรูปทรงรียาว เรียงตัวกันอยู่จนดูคล้ายวาฬ 3 ตัวค่ะ (แต่เดิมชาวบ้านเรียกกันว่าหินข้าวต้มมัดค่ะ^^) หินสามวาฬตั้งอยู่ในเขตของภูสิงห์ ซึ่งการเข้าไปเที่ยวจะต้องไปขึ้นรถโฟร์วีลที่จุดบริการรถของชุมชนนะคะ (ไม่สามารถนำรถเข้าไปเองได้เพราะเส้นทางลำบาก บางช่วงทางแคบต้องสื่อสารกันทางวิทยุค่ะ) ค่าบริการรถ+ไกด์ เหมาคันละ 500 บาท สามารถนั่งได้ถึง 10 คนค่ะ

การขับรถไปจากตัวเมืองให้ค้นหาใน GPS ว่า “ภูสิงห์ หินสามวาฬ” นะคะ จะไปตรงจุดคิวรถ ถ้าพิมพ์หินสามวาฬเฉยๆ GPS จะพาไปคนละจุดกันเข้าไม่ได้ค่ะ หลงกันบ่อยจนมีป้ายปักบอกไว้เลยค่ะ (เราก็หลงเช่นกัน > < ) สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แนะนำเป็นช่วงเช้าเนื่องจากอากาศไม่ร้อน คิวรถเปิดบริการตั้งแต่ตีห้าครึ่ง(รอบชมพระอาทิตย์ขึ้น) ไปจนถึงห้าโมงเย็น ค่ะ

เปิดทำการ ทุกวัน 5:30–17:00
เบอร์ติดต่อ: 08 8536 2717, 088 563 8852 (ฝ่ายบริหารทั่วไป ภูสิงห์ )

จุดท่องเที่ยวในเขตภูสิงห์
..ในบริเวณภูสิงห์นอกจากหินสามวาฬแล้ว ยังมีจุดที่เที่ยวสวยๆหลายอีกหลายจุดค่ะ เช่น หินช้าง ประตูภูสิงห์ กำแพงภูสิงห์ หัวใจภูสิงห์ จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ ซึ่งทางพี่ไกด์ของเราก็จะขับพาเราชมได้ตามความต้องการและเวลาที่มีค่ะ (ใช้เวลาเที่ยวชมได้ตั้งแต่ 2-4 ชม. ค่ะ)

เปิดทำการ ทุกวัน 5:30–17:00
เบอร์ติดต่อ: 08 8536 2717, 088 563 8852 (ฝ่ายบริหารทั่วไป ภูสิงห์ )

วัดเจติยาคีรีวิหาร หรือ วัดภูทอก
หนึ่งในจุดหมายปลายทางของจังหวัดบึงกาฬ ที่พิสูจน์ทั้งร่างกายและจิตใจ > < จากบันไดไม้สูงชันนับร้อยขั้นที่ต้องปีนขึ้น ไปถึงทางเดินไม้แคบๆขนาดพอดีคนที่เลาะเลียบไปกับหน้าผาหินรอบเขาภูทอก เพื่อขึ้นไปสู่พื้นที่ปฏิบัติธรรมและวิวทิวทัศน์ด้านบน ที่นี่สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของ พระ เณร และชาวบ้านเป็นเวลาหลายปีค่ะ ก่อนที่จะเปิดให้เข้าไปเข้าชมกัน มีทั้งหมด 7 ชั้น พวกเราขึ้นถึงแค่ชั้นที่ 5 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด มีศาลากลาง กุฏิที่อาศัยของพระ และพุทธวิหาร ใช้เวลาเดินขึ้นลงทั้งหมดประมาณ 3 ชม. ทางขึ้นลงชันมากค่ะ อาจจะไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กๆมากๆ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพนะคะ แต่ถ้าพอไหวก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ! อย่าลืมเรื่องการแต่งตัวให้เหมาะสมกับเขตวัด เตรียมเสบียงและน้ำเผื่อเด็กๆหิวกันให้พร้อมนะคะ

เปิดทำการ ทุกวัน 8.00-17.00 ยกเว้นในวันที่ 10-16 เมษายน (ไม่มีค่าเข้าชม)
เบอร์ติดต่อ: 087 505 3448 , 042 325 406 ถึง 7

🏞น้ำตกถ้ำพระ
น้ำตก Unseen ที่ต้องนั่งเรือเข้าไปประมาณ 1 กม. (10นาที) และเดินเท้าต่ออีกประมาณ 300 เมตร ค่ะ มีจุดเด่นที่น้ำจะไหลจากผาก้อนหินที่สวยงาม ลงมาที่ลานหินกว้างใหญ่ที่มีร่องน้ำตื้นๆคดเคี้ยวตามธรรมชาติ จนเหมือนกับสไลเดอร์ตามสวนน้ำที่สามารถเล่นไถลลงมาได้ค่ะ ถ้าต้องการเล่นน้ำแนะนำให้ไปช่วงตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค. เพราะน้ำจะเยอะ ส่วนหน้าแล้งจะไม่มีน้ำแต่ก็สามารถนั่งเรือเข้าไปชมทิวทัศน์และถ่ายรูปได้ค่ะ (ที่พวกเรามาช่วงต้นปีเนื่องจากเป็นทริปต่อเนื่องกับ ทะเลบัวแดงอุดรฯ ซึ่งจะมีให้ชมเฉพาะช่วง ปลายปี.-มี.ค.จ้า)
จะมีจุดขึ้นเรือของชุมชนให้บริการอยู่ 2แห่งใกล้ๆกัน คือ ท่าเรือที่ 1 และท่าเรือที่2 ค่ะ (ก่อนเข้าไปสามารถโทรสอบถามสถานการณ์น้ำก่อนได้ค่ะ) ค่าเรือ คนละ 20 บาท ในช่วงวันหยุดและนักขัตฤกษ์ที่คนเยอะ หรือเหมาลำ ลำละ100บาท ในช่วงวันธรรมดา ภายในบริเวณน้ำตกไม่มีร้านค้านะคะ อาจจะเตรียมน้ำดื่มหรือของว่างเล็กน้อยเข้าไป ส่วนห้องน้ำก็ควรเข้าให้เรียบร้อยที่ท่าเรือชุมชนค่ะ พอถึงท่าเทียบเรือฝั่งน้ำตก จะมีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวเก็บค่าบริการอีกครั้งคือเด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท (ต่างชาติ 100 / 200 บาท) ผู้สูงอายุเข้าฟรี และต้องจ่ายมัดจำค่าขยะอีก 100 บาท (ขากลับจากเล่นน้ำตกนำขยะออกมาด้วยก็จะได้รับเงินค่ามัดจำคืนค่ะ) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขวดแก้วไม่อนุญาตให้นำเข้าทุกชนิดจ้า

จุดให้บริการเรือ น้ำตกถ้ำพระ
เปิดทำการ ทุกวัน 8:00–17:00
เบอร์ติดต่อ:
(ท่าเรือที่ 1) 088 308 1334, 085 725 6371
(ท่าเรือที่ 2) 098 646 8808

เส้นทางท่องเที่ยว Ep.2

day3⃣(ศ.) บึงกาฬ : มื้อเช้าที่โรงแรมเดอะวัน >> ขับรถประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ไปวัดภูทอก หรือ วัดเจติยาคีรีวิหาร >> ขึ้นภูทอก (ใช้เวลาเดินขึ้นลงเวลาทั้งหมดประมาณ 3 ชม. ร่างกายต้องพร้อมนะคะ) >> มื้อเที่ยงส้มตำไก่ย่างหน้าภูทอก >> ช่วงบ่ายขับรถอีกประมาณ1ชั่วโมง ไปเล่นน้ำที่น้ำตกถ้ำพระ (เป็นน้ำตกที่ต้องนั่งเรือเข้าไปค่ะ จะมีจุดขึ้นเรือให้บริการอยู่ 2แห่ง แนะนำให้ไปช่วงตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค. เพราะช่วงหน้าแล้งจะไม่มีน้ำค่ะ ) >> ค่ำกลับมาเดินตลาดต้องชม ถนนคนเดินริมโขงบึงกาฬ (เปิด ศ.,ส. 17.00-21.00) >> พักที่โรงแรมเดอะวัน บึงกาฬ

day4⃣(ส.) บึงกาฬ >>หนองคาย : ออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่ ไปขึ้นหินสามวาฬ (ห่างจากโรงแรมประมาณ 20 นาที) >> นั่งรถบริการท่องเที่ยวขึ้นหินสามวาฬ และจุดท่องเที่ยวต่างๆภายในบริเวณภูสิงห์ ใช้เวลารวมประมาณ 2 ชม.>> กลับโรงแรมไปทานข้าวและเช็คเอ้าท์ (ที่โรงแรมเดอะวันมีสวนน้ำเล็กๆด้วยนะคะ เช็คเอ้าท์แล้วแวะเล่นได้ค่ะ) >> ทานมื้อเที่ยงริมโขง >> ขับรถไปหนองคาย 2 ชั่วโมงครึ่ง >> ติดตามต่อ EP.3 จ้า

เช้าวันที่3ของทริป หลังจากทานมื้อเช้าที่โรงแรมเดอะวันกันจนอิ่มแล้ว เราก็ออกเดินทางใช้เวลาประมาณ1ชม.ครึ่ง ก็มาที่จุดหมายแรกของเรา วัดเจติยาคีรีวิหาร หรือ วัดภูทอก ค่ะ

ธรรมสถานแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของ พระ เณร และชาวบ้านใช้เวลาก่อสร้างบันได ทางเดินที่เลาะไปตามหน้าผาหิน รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆด้านบน กว่า5ปี ก่อนที่จะเปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเข้าชมกันค่ะ

ภูที่เราจะขึ้นเรียกว่าภูทอกน้อย มีทั้งหมด 7 ชั้น พวกเราขึ้นถึงแค่ชั้นที่ 5 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด มีศาลากลาง กุฏิที่อาศัยของพระ และพุทธวิหาร ใช้เวลาเดินขึ้นลง รวมพักเหนื่อยทั้งหมดประมาณ 3 ชม. ..ใกล้ๆกันยังมีภูเขาอีกลูกเรียกว่าภูทอกใหญ่ ซึ่งยังไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าไปชมค่ะ

เห็นบันไดแล้ว ขอนั่งพักก่อนเลย555 ยังค่ะนี่พึ่งชั้นแรกค่าา > < ..การแต่งกาย เลี่ยงนุ่งสั้นหรือเสื้อกล้าม เรียบร้อยประมาณนี้ขึ้นได้ค่ะ
หนทางที่พวกเราต้องไปกัน…ไหวม้ายย
ขึ้นมาถึงชั้น 4 พักดูวิวสวยๆกันก่อน เด็กๆสู้จ้า!
วิวสวยมาก บางจุดต้องก้มตัวลอดหินพอให้ตื่นเต้น
ทางเดินไม้กว้างพอให้สวนกันได้ เลาะไปตามหน้าผา หลายช่วงมีไม้กั้นแค่เตี้ยๆ หวาดเสียวทีเดียวค่ะ เดินชิดด้านในนะคะเด็กๆ
รู้สึกมหัศจรรย์และทึ่งในความสารมารถของช่างมากๆ เรานึกไม่ออกเลยว่าสร้างได้ยังไง
ภาพมุมสูงจากโดรนคุณพ่อค่ะ ภูทอกน้อยที่เรากำลังปีนกันคือลูกข้างหน้า และ ภูทอกใหญ่อยู่ข้างหลังไกลๆ
โหดสุดคือตรงนี้ค่ะ ทางขึ้นชั้น5!
ขึ้นมาถึงชั้น 5 ชั้นนี้เป็นชั้นที่ใหญ่ที่สุด และสามารถเดินได้รอบเขาเลยค่ะ
ทางขึ้นจากชั้น 4 มาชั้น5 มี 2 ทาง ทางที่เรามาอ้อมหน่อยแต่ชันน้อยกว่า …ส่วนใครอยากขึ้นมาถึงเร็ว ขึ้นบันไดที่เห็นนี้เลยจ้าา ทางลัด ชันปรี้ดด
ด้านบนมีศาลากลางสำหรับปฏิบัติธรรม มีพัดลมคลายร้อน มาไหว้พระ นั่งพักให้หายเหนื่อยได้ค่ะ
น้ำสำคัญมากค่ะ วันนี้แดดร้อนทีเดียว เราเตรียมมา2ขวด ยังไม่ค่อยพอ แบ่งๆกันนะคะเด็กๆ​ (ปล.​จุดนี้ทางวัดมีน้ำให้เติมนะคะ)​
กินน้ำแล้ว พักกาย แล้วพักใจให้สงบ ก่อนเดินกันต่อค่ะ ^^
ส่วนปฏิบัติวิปัสนา อยู่ในชั้นเดียวกันค่ะ เป็นถ้ำหินขนาดใหญ่
นั่งสมาธิกันแปร๊บ
ทางที่เราเดินไปสู่วิหารธรรมค่ะ หินสวยงามเหมือนเดินอยู่ใต้คลื่นเลย
มาสุดปลายทาง จะถึงสะพานเชื่อมไปยังวิหารธรรม มองกลับไปจะเห็นเขาภูทอกทั้งลูกค่ะ
ด้านบนคือชั้น 6 และชั้น 7(ยอดเขา) ซึ่งพวกเราไม่ได้ขึ้นไป เนื่องจากทางเดินแคบและหวาดเสียวกว่าชั้นที่ผ่านๆมาอีกจ้า
วิหารธรรม และที่เห็นไกลๆคือภูทอกใหญ่ค่ะ
วิวจากภายในวิหาร
ถึงจุดนี้ ลมเย็นๆ เด็กๆนอนพื้นกันเลย ..ขอพักเดี๋ยวนึงนะค้าบบ
ไหว้พระ และพักกันจนมีแรงแล้ว พร้อมจะเดินลงกันแล้วจ้าา
ลงทางลัดจากชั้น 5 ไป 3 ที่เห็นชันๆตอนขึ้นมานี่แหล่ะจ้า เรียกว่าคลานถอยหลังลงกันเลยทีเดียว
ใกล้ถึงแล้วจ้า นั่งๆไถๆไปเนอะ 555
ด้านล่างมีห้องน้ำใหญ่ของทางวัด ล้างหน้าล้างตากันให้สดชื่นค่ะ
กลับลงมาถึงพื้นดินโดยสวัสดิภาพจ้าเย้ๆๆ… สิ่งที่สำคัญที่เราคุยกับเด็กๆตั้งแต่ก่อนจะขึ้นไปคือเรื่อง ความปลอดภัย การเดินอย่างระมัดระวัง ไม่รีบ ไม่วิ่ง ไม่ซน ซึ่งเด็กๆทำตามได้ดีค่ะ

ออกมาหน้าวัดมีร้านอาหารอยู่ 3-4 ร้าน ด้วยความหิวโซเพราะใช้เวลาขึ้นภูทอกนานกว่าที่คิดไว้ ก็ทานกันตรงนี้แหล่ะจ้า จัดข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างของโปรดเด็กๆ

ราคามาตรฐาน รสชาติใช้ได้ค่ะ

ขับรถมาอีกเกือบชั่วโมง เพื่อพาเด็กๆมาเล่นน้ำตกกันค่ะ ข่าวร้ายจากท่าเรือคือช่วงนี้ไม่มีน้ำเลยเนื่องจากฝนทิ้งช่วงมานานมาก ..แต่มาถึงแล้วก็ไปเที่ยวกันหน่อยเนอะ ^^

เด็กๆตื่นเต้นใหญ่เพราะมีน้องหมาขึ้นเรือด้วย!

พี่คนเรือบอก 2ตัวนี้แหล่ะ ไกด์นำทางของพวกเรา เดี๋ยวเค้าจะพาเราเข้าไปถึงน้ำตกเลยจ้าา

สนุกสนานมากๆ > <

เรานั่งเรือชิลล์ๆเข้ามาประมาณ10นาที (เหมาไปกลับ 100 บาท) ก็มาถึงท่าเทียบเรือฝั่งน้ำตก ต้องเดินกันต่อนะเด็กๆ

พี่คนเรือแจ้งว่าปกติช่วงหน้าน้ำที่คนมาเที่ยวเยอะๆ จะมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาดูแลอำนวยความสะดวก ความสะอาด และความปลอดภัย จะมีค่าบริการของเขตรักษาพันธู์สัตว์ป่าเพิ่มเติม ผู้ใหญ่ 20 เด็ก 10 บาทค่ะ แต่ช่วงหน้าแล้งที่ไม่มีการเล่นน้ำจะยกเว้นค่าบริการจ้

เดินตามน้องหมาไกด์ทั้ง2ตัวของเรามา จากท่าเรือมาประมาณ 300เมตร ก็มาถึงน้ำตกถ้ำพระแล้ว

เด็กๆเสียดายที่อดเล่นสไลเดอร์

ไม่เป็นไร วิ่งเล่นกันแทนเนอะ … เป็นวิวที่สวยและแปลกตามากๆ

เหมือนงานศิลปะที่ธรรมชาติสร้างเลยค่ะ

ถ่ายรูปที่ระลึก > <

กลับแล้วน้าา ไว้มีโอกาสคงได้มาเล่นน้ำกั

กลับเข้าเมืองบึงกาฬประมาณชั่วโมงกว่าๆ เราก็ตรงมาหามื้อเย็นทานกันที่ตลาดต้องชม ถนนคนเดินริมโขงบึงกาฬ ที่นี่เปิดเฉพาะวัน ศุกร์และเสาร์ 17.00 -21.00 น. นะคะ

ขนมวุ้นน้องหมา… เหมือนจนไม่กล้ากิน

ของเล่นเด็กต้องก็มาค่ะ!

เดินเล่น ซื้อของกิน ขนม กันพอสมควร กลับไปนั่งกิน party ต่อที่ รร. กันจ้า

เดอะวันโฮเทล โรงแรมใน อ.เมืองบึงกาฬ โลเคชั่นดี ราคาไม่แพง ห้องพักสะอาด เราจองห้องแบบดีลักซ์ ห้องกว้างมากกกค่ะ วิ่งเล่นได้เลย

เช้าวันที่4 วันนี้เป็นไฮไลท์อีกวันของทริปเลย เพราะเราจะไปหินสามวาฬกัน! ออกแต่เช้าตรู่ยังไม่กินข้าวเช้า กด GPS ขับตามไปจนเจอป้ายนี้…. 5555

ให้ค้นหาใน GPS ว่า “ภูสิงห์ หินสามวาฬ” นะคะ จะไปตรงจุดคิวรถ **ถ้าพิมพ์หินสามวาฬเฉยๆจะพาไปคนละจุดกันเข้าไม่ได้ค่ะ** เราขับย้อนตาม GPS กลับมาอีกทีก็จะถึงจุดบริการของภูสิงห์ค่ะ

ที่นี่ต้องนั่งรถบริการของชุมชนเพื่อขึ้นชมค่ะ ไม่สามารถนำรถเข้าไปเองได้เพราะเส้นทางลำบาก บางช่วงทางแคบต้องสื่อสารกันทางวิทยุค่ะ) ค่าบริการรถ+ไกด์ เหมาคันละ 500 บาท สามารถนั่งได้ถึง 10 คนค่ะ โดยในบริเวณภูสิงห์นอกจากหินสามวาฬแล้ว ยังมีจุดที่เที่ยวสวยๆหลายอีกหลายจุดเลยค่ะ (ใช้เวลาเที่ยวชมได้ตั้งแต่ 2-4 ชม. นะคะ)

จุดแรกมาไหว้พระกันก่อน ที่ลานธรรมภูสิงห์ค่ะ

ถนนโหดและฝุ่นเยอะทีเดียวค่ะ ถ้ามากันหลายคนต้องนั่งกระบะท้าย ควรเตรียมหมวก/ผ้าปิดหน้ากันฝุ่นมาด้วยนะคะ

จุดแรกที่มาชมเป็นจุดชมวิวไม่ไกลจากหินสามวาฬ เรียกว่าจุดชมวิวถ้ำฤาษีค่ะ

อากาศดี วิวสวยมากๆ ^^

จากจุดชมวิวเดินมาเล็กน้อยก็จะถึงทางขึ้นหลังวาฬค่ะ ตื่นเต้นๆๆ

ภาพแรกที่ได้เจอเจ้าสามวาฬ ประทับใจมากๆ เราอยู่บนหลังของวาฬแม่ (ตัวกลางใหญ่สุด) ทางเดินจะกว้างที่สุดค่ะ จะมีแนวเทปเหลืองเป็นเส้นประที่ห้ามเดินออกไปนอกแนว จุดนี้ต้องกำชับเด็กๆให้ดีนะคะ การขึ้นหลังวาฬรองเท้าควรเป็นผ้าใบที่ใส่กระชับและไม่ลื่นค่ะ

เกินคำบรรยายจริงๆค่ะ

ถ่ายรูปกัน! ที่เห็นข้างหลังคือวาฬพ่อจ้

หวาดเสียวนิสนึง…หนูนั่งดีกว่า > <

ถ่ายรูปกับ 3 วาฬ ก็ต้องทำท่าปลาวาฬซะหน่อย 55555

มองมุมสูงถึงเห็นครบ3ตัว พ่อแม่ลูกจ้า

นี่ก็พ่อแม่ลูกเหมือนกัน ^^

บ๊ายบายเจ้าวาฬ มาเที่ยวภูสิงห์กันต่อ ยังมีจุดท่องเที่ยวถ่ายรูปอีกหลายแห่งเลยค่ะ อันนี้เรียกว่า กำแพงภูสิงห์

หินช้าง… เด็กๆบอกเหมือนช้างมากๆ

ประตูภูสิงห์ เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยมากๆอีกจุดเลยค่ะ

อันนี้เรียก หัวใจภูสิงห์ ..หินรูปคล้ายหัวใจที่ลอยอยู่ระหว่างหินใหญ่2ก้อน

จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ พื้นหินจะเป็นหลุมเล็กๆเหมือนบ่อน้ำร้อยบ่อ ดูแปลกตา .. เราใช้เวลาเที่ยวอยู่ในภูสิงห์ประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะต้องกลับไปทานมื้อเช้าและเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมค่ะ ที่จริงถ้ามีเวลาพี่ไกด์แจ้งว่าสามารถอยู่เที่ยวกับเค้า ได้ถึงประมาณ 4 ชม.เลย

กลับมาโรงแรมหลังจากทานมื้อเช้า เก็บกระเป๋าขึ้นรถเสร็จประมาณ 10 โมงครึ่ง เราก็พาเด็กๆมาเล่นน้ำพักผ่อนให้หายเหนื่อยกันเบาๆ ที่สวนน้ำของโรงแรมนี่แหล่ะจ้า

เล็กๆแต่เด็กๆฟินมากค่าาา > <

ก่อนอำลาบึงกาฬ เรากลับมาแวะทานมื้อเที่ยงริมแม่น้ำโขงกัน ใกล้ๆกับตลาดที่เดินเมื่อคืนค่ะ

มีร้านอาหารทะเล เด็กๆอยากกิน เลยส่งท้ายบึงกาฬด้วยอาหารทะเล 555 ..พอกล้อมแกล้มได้ค่ะ แต่ไม่สดขนาดไปกินริมทะเลเนอะ

แต่เมนูนี้ขึ้นชื่อแถวนี้ค่ะ ต้มยำปลาน้ำโขง … อิ่มอร่อยกันแล้ว ก็เตรียมเดินทางยาวๆ อีก 2 ชม. … แล้วเจอกัน EP. หน้าที่หนองคายนะคะ

เปิดอ่าน 242 ครั้ง ครั้ง

ข่าวล่าสุดของหมวดหมู่ ข่าวเด่นบึงกาฬ

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook