บึงกาฬ ลูกทาสยาคลั่ง ถือมีดจะทำร้ายพ่อ โดนเสียบฟาดหัวเสียชีวิตคาบ้าน

เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ร.ต.ท.หญิง จิราวรรณ ไกวาสัง รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองบึงกาฬ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสองนาง ว่ามีเหตุพ่อกับลูกทะเลาะวิวาทกันทำให้มีผู้เสียชีวิต หน้าบ้านในม.7 บ.โคกก่อง ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปกรณ์ ภาวิไล ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ แพทย์เวร รพ.บึงกาฬ และหน่วยกู้ภัยร่วมใจบึงกาฬ

เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อกลางหมู่บ้าน พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อนายเอกพล อายุ 32 ปี ลูกชายเจ้าของร้านค้าชำ ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายตุ้ม อายุ 54 ปี พ่อของผู้ตายเอง และไม่ได้หลบหนีไปไหนยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่อยู่หน้าบ้าน

จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ตายมีอาการคลุ้มคลั่งจะใช้อาวุธมีดทำร้ายพ่อ โดยมีปากเสียงกันตั้งแต่ในบ้านและออกมาทำร้ายกันที่หน้าบ้าน โดยผู้ตายไปเปิดเอามีดจากใต้เบาะรถจักรยานยนต์จะเข้าทำร้ายพ่อ พ่อจึงใช้เสียมที่วางอยู่หน้าบ้านป้องกันตัวเองตีกลับไปที่ศีรษะ 3 ที จนล้มลงแน่นิ่งและเสียชีวิต

ต่อมาแพทย์เวรและตำรวจร่วมกันชันสูตรพบว่าผู้ตายถูกตีด้วยของแข็งจำนวน 4 แห่งรอบศีรษะ มีแผลฉกรรจ์เห็นกะโหลกและเสียเลือดมากเป็นเหตุให้เสียชีวิต จึงมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

ส่วนนายตุ้ม จันทร์อ้วน ผู้เป็นพ่อหลังนำศพลูกชายไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดแล้ว ก็ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองบึงกาฬ พร้อมรับสารภาพว่า ตั้งแต่ลูกชายเล่นยามามีอาการหนักมา 4-5 เดือนแล้ว มาขอเงินกับพ่อแม่วันละ 500 – 1,000 บาท ซึ่งแม่จ่ายให้รายวัน

จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุ ลูกออกไปขึ้นรถเก็บขยะเทศบาลด้วยกันกับพ่อ แต่เมื่อกลับมาบ้านลูกชายหาเงินจำนวน 500 บาทที่แม่ให้ไม่เจอ จึงโวยวาย ตนจึงบอกกับลูกว่า ทำไมไม่ไปหาดูก่อนว่าลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า ซึ่งตนพูดดี ๆ แต่ลูกชายตะโกนบอก มึงไม่ต้องมาพูดกับกูเลย บักไหนอีไหนเอาไปก็เอามาให้กูเลย

จากนั้นคว้ามีดพร้าด้ามไม้ยาวประมาณ 80 ซม. เดินเข้ามาหา ตนจึงหยิบเสียบที่วางอยู่หน้าบ้านตีไปที่หัว 3 ที จนล้มลง ซึ่งใจก็แค่อยากจะสั่งสอนลูกไว้ ไม่คิดว่าจะเอาให้ตาย ไม่รู้ไปถูกจุดสำคัญตรงไหน

ซึ่งก่อนหน้านี้ที่อาละวาด โดยเฉพาะวันที่พ่อไม่อยู่ แม่จะรับเคราะห์ตลอด เมื่อขอเงินแต่ไม่ได้ก็จะไม่พอใจ ทำลายข้าวของที่อยู่ในร้าน แม่ก็จำเป็นต้องให้

เรื่องเหล้ายาก็ไม่เท่าไร แต่ยาบ้านี่หนักสุด เคยได้ยินคร่าว ๆ ว่าซื้อมาในราคา 4 เม็ด 100 บาท หากติดค้างไว้ก่อนก็จะคิด 3 เม็ด 100 บาท ซึ่งวันหนึ่งคงจะเล่นเยอะ

และล่าสุดเมื่อวานนี้ตนก็พูดคุยกับหลานสาวที่ทำงานในโรงพยาบาล ว่าจะให้พาลูกไปบำบัด แต่ผู้ตายไม่ยอมไป ปกติตนก็เป็นคนไม่วู่วาม เหล้าก็ไม่กิน ยาก็ไม่สูบ ทำงานหาเงินอย่างเดียวมานาน โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช้านี้มันเหลือบ่ากว่าแรง ไม่ไหวๆ

ตนเองผู้เป็นพ่อก็ไม่คิดว่าจะตีลูกให้ตาย หวังเพียงว่าแค่ป้อมปรามสั่งสอนเท่านั้น และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนี้ก็จะขอประกันตัวออกไปจัดงานศพให้ลูกก่อน เรื่องของกฎหมายก็ค่อยว่ากันไปทีหลัง อย่างไรอยากฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เอาจริงเอาจัง กับยาเสพติด ยิ่งมามีกฎใหม่ครอบครองได้ 5 เม็ด ยิ่งไปกันใหญ่พวกเสพพวกค้าก็ไม่กลัว ควรปราบปรามให้เด็ดขาด

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ขณะที่พ่อรับว่า ทำร้ายลูกจริง แต่ปฏิเสธข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หลังสอบปากคำได้นำตัวส่งศาลฝากขัง และให้ผู้ต้องหาขอประกันตัวในชั้นศาลต่อไป