LINE : ติดต่อผู้ดูแล

ยินต้อนรับเว็บไซต์ข่าวสารเพจข่าวท้องถิ่นบึงกาฬ

วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน 2024
คอลัมน์วันนี้

บึงกาฬมีอะไร ถึงเรียกได้ว่า “ฟินรสสดใหม่ ไฉไลริมฝั่งโขง”

หากใครมีโอกาสไปเยือนจังหวัดบึงกาฬเพียงสักครั้ง นั่นจะไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เพราะในความคำนึง เราจะนึกถึงบึงกาฬอยู่เสมอ นั่นเพราะความมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และที่สำคัญ ยัง “สดใหม่” ให้เราได้สัมผัสวิถีแห่งธรรมชาติและผู้คนอันงดงาม

เมื่อไม่นานมานี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร I-san Coolinary สร้างประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางสู่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำเสนอประสบการณ์เที่ยวกินอย่างมีสไตล์ เข้าถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมไอเดียสร้างสรรค์ แนะนำเส้นทางน้องใหม่ “จังหวัดบึงกาฬ” ด้วยเสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรม จากวิถีชุมชนอันเป็นเอกลักษณ์ ภายใต้แนวคิด “ฟินรสสดใหม่ ไฉไลริมฝั่งโขง

โดยในทริปนี้ คณะสำรวจเส้นทางจาก ททท. พร้อมด้วยคณะสื่อมวลชน และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ได้ร่วมเดินทางเป็นระยะเวลา 3 วัน 2 คืน และนี่คือจุดที่ตอกย้ำสโลแกน “ฟินรสสดใหม่ ไฉไลริมฝั่งโขง” ที่เรานำมาฝาก

พระเจดีย์ศรีอาฮง

บรรยากาศ บริเวณ “สะดือแม่น้ำโขง”

ความงดงาม ฝั่ง สปป.ลาว

วัดที่มีทำเลที่ตั้งสวยงาม-แปลกตา

บึงกาฬเป็นจังหวัดทางตอนเหนือสุดของภาคอีสาน และมีจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง หรือ “สะดือแม่น้ำโขง” ที่ว่ากันว่ามีความลึกแบบที่ไม่สามารถระบุว่า หรือมากกว่า 200 เมตรเลยทีเดียว บริเวณจุดชมสะดือแม่น้ำโขงอยู่ที่ “วัดอาฮงศิลาวาส” ซึ่งมีความโดดเด่นของทำเลที่ตั้งอยู่ริมฝั่งโขง ในจุดที่สามารถมองเห็นความงดงามของฝั่ง สปป.ลาวได้อย่างใกล้ชิด ถือเป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม

เช่นเดียวกับ อ.ปากคาด ซึ่งมีวัด “วัดสว่างอารมณ์” หรือ “วัดถ้ำศรีธน” อ.ปากคาด ซึ่งมีความแปลกตา จากบริเวณวัดที่ตั้งอยู่บนเนินหิน บนโขดหินมีอุโบสถ ทรงระฆังคว่ำ ที่มองเห็นวิวได้อย่างเต็มตา ภายในบริเวณวัดยังมีก้อนหินขนาดยักษ์กระจายตัวอยู่ ซึ่งระบุว่าเป็นหินที่มีอายุนับล้านปี โดยมีกลุ่มหิน 3 ก้อนที่มีเรื่องเล่าจากตำนานของ “ท้าวศรีธน” ที่มาฝึกวิชาในสถานที่แห่งนี้ และมีอาคมแกร่งกล้าจนสามารถง้าวดาบฟันลงบนก้อนกินใหญ่จนแตกเป็น 3 เสี่ยง

ต้นแบบหมู่บ้านเข้มแข็ง-ชุมชนมีชีวิต

ความคิดสร้างสรรค์กับความร่วมมือของชุมชน ส่งผลให้หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก เราอาจจะเคยพบย่านเมืองเก่าหรือชุมชนที่มีผลงานกราฟฟิตี้อวดสายตา แต่ในชุมชนแห่งนี้ เลือกเรื่องราวของผลงานกราฟฟิตี้จากพญานาค ซึ่งเป็นความเชื่อความศรัทธาของชาวอีสาน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ริมฝั่งโขง และแม้ว่าที่หมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่จะไม่ได้มีพื้นที่ติดแม่น้ำโขง แต่ความรักความศรัทธาของพวกเขา ก็สื่อสารออกมาเป็น “กราฟฟิตี้พญานาค” ด้วยความร่วมมือของน้องๆ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบังมาร่วมโชว์ฝีมือ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ เต็มไปด้วยกราฟฟิตี้ที่สื่อความหมายของพญานาค ขณะที่บ้านเกิดของ ฟู้ดสไตลิสต์ชั้นนำของเมืองไทย “คุณขาบ-สุทธิพงษ์ สุริยะ” ก็ได้จัดทำเป็น “พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต” ด้วยการนำข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านมาจัดแสดง และยังมีคุณพ่อของคุณขาบอาศัยอยู่ และมีผู้คนหมุนเวียนมาทำกิจกรรมอยู่เสมอ หนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการเข้ามารับประทานอาหารสไตล์คนบึงกาฬ จากวัตถุดิบที่ปลูกเอง และหาได้ในพื้นที่ ที่นี่ยังมีจักรยานบริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะปั่นชมความน่ารักของหมู่บ้านอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ เปิดบริการทุกวัน 09.00 – 17.00 น. (รับประทานอาหารและกิจกรรมต้องติดต่อล่วงหน้า โทร. 08-6229-7626)

สมาชิกของร้าน “ยืนยั่ง ยั่งยืน”

หัวใจคนบึงกาฬ กับความยั่งยืน

ร้านอาหารแห่งความรักและความใส่ใจ โดย “แป๋ว ศศิวิมล บุญแท้” สาวชาวบึงกาฬที่รักในถิ่นฐานบ้านเกิด และภูมิใจในการถ่ายทอดความรักจากคุณแม่ ด้วยฝีมือในการทำอาหารของร้าน “ยืนยั่ง ยั่งยืน” ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ แม้จะใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองราว 40 กิโลเมตร แต่มาถึงก็คุ้มค่า เพราะตัวร้านมีความร่มรื่น สวยงาม และทางร้านก็รับวัตถุดิบต่างๆ จากชาวบ้านมาปรุงเป็นอาหารให้ทุกคนได้อร่อยกันด้วย เมนูต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นสูตรจากคุณแม่ อาทิ ปลาทอดสมุนไพร ไก่นึ่งใบมะขาม แกงหน่อไม้หวาน ที่นี่ยังสนับสนุนและส่งเสริมอาชีพของชาวบ้านด้วยการนำผ้าทอจากชาวบ้านในบึงกาฬ มาวางจำหน่ายอีกด้วย

อยากฝึกร้อยมาลัยกับคุณแม่ ก็ติดต่อล่วงหน้าเข้าไปได้

(ร้านยืนยั่ง ยั่งยืน ซอยข้างที่ว่าการอำเภอพรเจริญ จ.บึงกาฬ เปิดบริการทุกวัน 10.00-18.00 น. โทร. 08-6222-7672)

ล่องแพกินอาหาร บึงกาฬก็มี

ที่หนองเลิง อ.พรเจริญ มีบริการล่องแพชมความงามของธรรมชาติ นักท่องเที่ยวในพื้นที่นิยมมาล่องแพเล่นน้ำคลายร้อนกันที่นี่ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ใครไม่สวมชูชีพหรือเล่นน้ำออกไปไกลจากแพ ก็จะมีประกาศเตือนให้รู้กันถ้วนหน้า บริเวณริมบึงหนองเลิง มีร้านค้าให้บริการอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ แต่หากมากันเป็นหมู่คณะ ก็ติดต่อให้ทางชุมชนดูแลจัดการเมนูต่างๆ ได้ ไฮไลน์เด็ดคือ เมี่ยงปลาเผา และเมนูพิเศษที่ทำจากสายบัว ไม่ว่าจะเป็นแกงกะทิสายบัว ส้มตำ หรือ ยำสายบัว โดยบึงแห่งนี้จะมีดอกบัวบานสะพรั่งในช่วงปลายปี

(การเข้าชมเป็นหมู่คณะติดต่อ คุณยุทธ ประธานกลุ่มแพหนองเลิง 09- 3894-5580)

อลังการของจริง ภูทอก-ภูสิงห์

และนี่คือไฮไลน์สำคัญของการมาท่องเที่ยวบึงกาฬ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบในธรรมชาติและความสงบ บึงกาฬก็พร้อมเสิร์ฟความสด (ชื่น) เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของบึงกาฬ ไม่แพ้เรื่องอาหาร

บึงกาฬเป็นจังหวัดที่คงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอยู่มาก โดยเฉพาะป่าเขาที่มีความอลังการและน่าทึ่ง เช่น ที่ภูทอก อ.ศรีวิไล สถานปฏิบัติธรรมที่บุกเบิกโดย พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ และได้ความร่วมแรงร่วมใจของพระสงฆ์และชาวบ้าน ช่วยกันสร้างสะพานไม้ขึ้นสู่แนวเขา พร้อมการก่อสร้างทางไม้เลียบผา จำนวน 7 ชั้น แค่คนเดินขึ้นไปก็นับว่าเหนื่อยหอบแล้ว ผู้ที่ช่วยกันสร้างคงต้องลงทุนลงแรงกันอย่างมหาศาล ทราบมาว่าต้องใช้เวลาถึง 5 ปีในการก่อสร้าง ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินขึ้นได้อย่างสะดวกสบายแบบนี้ ดังนั้นจึงต้องตระหนักไว้ให้มั่นว่า สถานที่แห่งนี้คือสถานปฏิบัติธรรม จึงต้องสำรวมกาย วาใจ พร้อมการแต่งกายที่เหมาะสมในการเที่ยวชม

อีกจุดคือ ภูสิงห์ สถานที่ชมความงดงามมุมสูงที่หลายคนอาจจะคุ้นตากับภาพของ ปลาวาฬ พ่อ แม่ ลูก หรือ หินสามวาฬ ซึ่งสามารถเข้าชมความงามได้ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อขึ้นไปแล้วยังมีจุดชมวิวอีกหลายจุด อาทิ จุดชมวิวถ้ำฤาษี หินช้าง ส้างร้อยบ่อ ซึ่งการเดินทางขึ้นภูสิงห์ จำเป็นต้องใช้รถบริการของชุมชน ซึ่งสามาถติดต่อได้หน้าที่ทำการได้ในทุกๆ เช้า

(ภูทอกเปิดให้เข้าชมเวลา 08.00 – 18.00 น. ท่องเที่ยวภูสิงห์ได้ตั้งแต่เช้า-เย็น .โทร.08-8563-8852)

“คุณแยม” ทายาทผู้รับช่วงดูแลผ้าหมักโคลนดารานาคี

ผ้าหมักโคลนดารานาที ผ้าดีจากโคลนพญานาค

กิจกรรม DIY ทำตุ๊กตาปลาแม่น้ำโขงจากผ้าหมักโคลน

หากพูดถึงของดีของเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของบึงกาฬ หนึ่งในนั้นคือ “ผ้าหมักโคลนดารานาคี” บ้านสะง้อ ต.หอคำ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่พลิกชีวิตของคนทอผ้าให้ฟื้นคืน เพราะเดิมทีชาวบึงกาฬนิยมทอผ้าขาวม้ากันมากจนล้นตลาดและไม่คุ้มค่ากับรายได้ ทำให้หลายรายจำต้องทิ้งอาชีพนี้ไป แต่ที่บ้านของแม่สมพร ได้ฉุกคิดว่า เพราะเหตุใดผ้าที่ชาวนาสวมใส่จึงมีความนุ่ม จึงลองนำฝ้ายไปหมักโคลน จนพบว่า ให้ความนุ่ม ลื่น เย็น และมีน้ำหนัก ซึ่งโคลนนั้น เป็นโคลนจากแม่น้ำโขง บริเวณที่เคยมีบั้งไฟพญานาค จึงเป็นที่มาของเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร จากนั้นก็ได้นำกระบวนการย้อมสีจากธรรมชาติเข้ามาใช้ ทำให้เกิดผ้าที่มีความสวยงาม ได้ราคา พร้อมการออกแบบลวดลายและรูปแบบใหม่ๆ และไม่ลืมที่จะชักชวนชาวบ้านมาช่วยกันสืบสานให้ผ้าหมักโคลนเป็นของดีของเด่นของบึงกาฬ อันยากที่ใครจะมาเลียนแบบ เพราะนอกจากโคลนในพื้นที่แล้ว ยังต้องอาศัยอุณหภูมิที่พอเหมาะ แบบชาวบ้านสะง้อ ริมโขงบึงกาฬเท่านั้น

(ติดต่อเข้าชม แม่สมพร โทร : 0956647134 , 0844082865)

แม่ประเนียร ทีหอคำ

“บ้านหอคำ” ชุมชนสุดชิลล์ริมฝั่งโขง

การแสดงต้อนรับของบ้านหอคำ

หากจะกินลมชมวิวริมโขงให้ชื่นใจ ที่บ้านหอคำน่าจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องไม่พลาด เพราะที่นี่คือจุดที่เราสามารถมองเห็นความเวิ้งว้างกว้างไกลของแม่น้ำโขง พร้อมทิวทัศน์ของเทือกเขาฝั่ง สปป.ลาว ได้งดงามราวภาพเขียน และที่นี่ยังมีกลุ่มแม่บ้านที่เข้มแข็ง ร่วมกันทำโฮมสเตย์เปิดรับนักท่องเที่ยว พร้อมอาหารท้องถิ่นจากแม่น้ำโขง และปลาจากแหล่งน้ำในหมู่บ้าน ทีเด็ดคือ “ปลาร้าทอดราดพริก” ซึ่งอาจจะทำให้คนที่กินปลาร้าไม่เป็นเริ่มหลงรักปลาร้าเข้าให้ พร้อมเมนูปลาเพื่อสุขภาพ อย่างลาบปลาแม่น้ำโขง ปลาช่อนแดดเดียวทอด ต้มยำปลา หากมาในตอนเย็น สามารถติดต่อขอลงเรือชมความงามของลำน้ำโขงยามพระอาทิตย์ตกดินกันได้ และที่พลาดไม่ได้อีกอย่างคือ อุดหนุนผลิตภัณฑ์จากลูกหยียักษ์ ของดีของชาวบ้านหอคำ

(ติดต่อ แม่ประเนียร ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหอคำ 08-5007-2460 ล่องเรือชมโขง โทร. 09-3056-0784)

อาหารในโรงแรม ใครว่าไม่อร่อย

คนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยกับรสชาติของอาหารในโรงแรมหรู ซึ่งต้องเฉลี่ยรสชาติให้ถูกปากของผู้มาเยือนจากทั่วโลก บ้างก็ต้องอิงรสสัมผัสของชาวต่างชาติเป็นสำคัญ แต่ที่นี่เป็นห้องอาหารในโรงแรมที่นอกจากจะมีการออกแบบเมนูพื้นบ้านออกมาได้อย่างสวยงามแล้ว ยังมีรสชาติเด็ด จนลืมไปเลยว่านี่คืออาหารในโรงแรม สำหรับคนที่เคยมาเยือนบึงกาฬ อาจจะพอรู้ว่า โรงแรมเดอะวัน เป็นโรงแรมมาตรฐานขนาดใหญ่ของบึงกาฬ และที่นี่ก็มีร้านอาหารโรงแรมที่แอบซ่อนความน่าสนใจไว้มาก ด้วยเมนูอีสานฟิวชั่น ที่มาในรสชาติเด็ด อาทิ ปอเปี๊ยะลาบหมูทอด ส้มตำต้นอ่อนทานตะวัน ปลานิลนึ่งแจ่ว เป็นอีกมุมอร่อยที่หลายคนอาจจะมองข้าม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้มาเยือนบึงกาฬ แต่ทุกครั้งที่ได้มาเยือนก็สัมผัสถึงความเรียบง่าย ค่อยเป็นค่อยไป พร้อมธรรมชาติที่ยังอลังการอยู่เสมอ เป็นอีกจังหวัดในความคำนึง อยากให้ทุกคนได้คิดถึง “บึงกาฬ” เหมือนกับเรา

ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

สอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬได้ที่ ททท.สำนักงานอุดรธานี (พื้นที่รับผิดชอบ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ) ถ.มุขมนตรี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี โทร.0-4232-5406-7 โทรสาร. 0-4232-5408 E-mail : tatudon@tat.or.th

คอลัมน์วันนี้ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด