ขอขอบคุณคลิป จากธนัฐพงษ์ วงษ์ชำนาญ คนมักหมอลำและวัฒนธรรมอีสาน
ไปบึงกาฬทริปนี้หวังไว้ลึกๆ ว่าจะได้ไปดูน้ำตกสวยๆ เพราะได้ยินมาว่าบึงกาฬเอง มีน้ำตกอยู่หลายที่มาก..แล้วจะให้เที่ยวแบบฟินสุดๆ ก็หน้าฝนนี่แหละแจ๋วสุด เพราะจะมีน้ำเยอะหน่อย ซึ่งน้ำตกแต่ละที่ในจังหวัดบึงกาฬก็สวยงามไม่เหมือนกันซะด้วย แถมเที่ยววันเดียวก็ไม่หมด นี่คือความดีงามของจังหวัดบึงกาฬที่ใครหลายคนไม่เคยรู้
ระหว่างทางก็ได้รับบรีฟจากน้องๆ ที่ไปด้วยกันว่า จะต้องนั่งเรือเข้าไป “น้ำตกถ้ำพระ” ประมาณ 15 นาทีนะพี่ ในใจก็เอ๊ะ..มันจะเป็นยังไงเนี่ย “ไปน้ำตก..ทำไมต้องนั่งเรือเข้าไป” แต่ดูแอดเวนเจอร์ดี น่าจะมันส์
พอไปถึงก็ต้องตะลึงเพราะมันสวย มันดูดีกว่าที่คิดและมันก็ล่องเรือจริงจังมาก..ฮ่าๆๆ เพราะน้ำลึกเป็นเมตร แต่นั่นไม่ได้ทำให้เรากลัวค่ะ เพราะความเขียวขจี ความสดชื่นของสายฝนที่โปรยปรายลงมา มันเรียกร้องให้เราต้องรีบเบิ่งไปชมความสวยงามของน้ำตกถ้ำพระ ที่กำลังรอคอยเราอยู่ และได้ข่าวว่าถ้ามาในวันหยุดนี่นักท่องเที่ยวจะมาทีเป็นพันคน แต่เรามาวันธรรมดาน่าเที่ยว หายห่วงจ้าไม่มีคนเลย เป็นมนุษย์กลุ่มเดียวที่เข้าไป เย้ๆ
ระหว่างนั่งเรือเข้าไปก็จะสัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติขั้นสูงสุด..เพราะมีป่าไม้เขียวชอุ่มให้เราชม 2 ข้างทาง เราก็นั่งเรือเพลินๆ กันไป ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงน้ำตกถ้ำพระ
ในระหว่างที่เรือกำลังคดเคี้ยวไปตามสายน้ำพวกเราก็ต่างพร้อมใจกันพูดกันออกมาว่านี่มัน..ป่าอะเมซอน ชัดๆ บรรยากาศมันใช่เลยเหมือนอยู่ในหนัง เดอะ เลค พาร์สิก ผสม จูราสิกพาร์ค!! จินตนาการมาเต็มมาก..
พอไปถึงก็จะมีท่าจอดเรือเล็กๆ ไว้สำหรับเป็นทางขึ้นน้ำตกค่ะ เราก็ต้องเดินเท้าเข้าไป ระยะไม่ไกลมาก ไม่ทันเหนือยก็ถึงละ.. ขอแนะนำว่าใครจะมาน้ำตกต้องใส่รองเท้าที่พื้นรองเท้าแข็งแรงและกันลื่นได้จริงๆ เพราะเราต้องเดินไปตามโขดหิน มันจะมีความลื่นมาก..จะมีตะไคร่เขียวๆเกาะอยู่เต็มไปหมดและหินก็มีความชื้นจากน้ำฝนหรือละอองน้ำต่างๆ เกาะอยู่ จะค่อนข้างอันตรายนิดนึง หินของน้ำตกถ้ำพระจะเป็นหินทรายแดงค่ะ ก็มีลักษณะเป็นรูพรุน มีลวดลายสวยงามอย่างที่เห็น ปล.อย่าเหยียบพื้นที่มีสีเขียว..เดี๋ยวลื่น
หลังจากบุกป่าฝ่าดงมาพอสมควรก็ถึงแล้วจ้า… “น้ำตกถ้ำพระ” ที่รอคอย น้ำแรงมาก เห็นแล้วเย็นชุ่มฉ่ำ ชื่นใจ.. นี่ขนาดยืนอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ยังสวยขนาดนี้เหมือนสไลเดอร์ขนาดยักษ์เลย..สวยมากอลังการ แต่เดี๋ยวก่อนนี่แค่ด่านแรกยังไม่หมด..ยังมีอะไรเด็ดกว่านี้
พอเราชื่นชมสไลเดอร์ยักษ์มาพอสมควร เราก็เลาะไปตามโขดหิน..และขึ้นไปตามบันไดเล็กๆ อีกแป๊ปนึงค่ะ (ช่วงนี้ต้องระวังลื่นกันหน่อย..ทางเดินแคบมาก ต้องเดินช้าๆ จิกเท้าแน่นๆ ไม่ต้องรีบ)
นี่ฮะ..ภาพแรกที่ทุกคนจะได้เห็น เป็นลานหินบนหน้าผาสูง เราสามารถมองเห็นป่าที่อยู่ไกลออกไป มีหมอกลงให้เราได้กระชุ่มกระชวยหัวใจ แล้วก็จะเห็นพระพุทธรูปที่ประทับอยู่บนหน้าผาอีกฟากนึง เนื่องจากที่นี่เป็นสำนักสงฆ์กลางป่า
ยังไม่จบ ชีวิตยังต้องเดินต่อ..อีกหน่อยนึง เพื่อไปหาจุดไฮไลท์ของที่นี่ ป็นน้ำตกที่อยู่สูงสุด.. ซึ่งความสวยงามนั้นต้องบอกเลยว่าประทับใจมาก..
ถ่ายรูปแบบลืมไปเลยว่าจะกล้องจะพังหรือไม่พัง ถ่ายไปเช็ดไป ไม่เสียแรงที่นั่งรถ ขึ้นเขา ลงเรือ เดินป่าเข้ามา มันคือที่สุดของความฟิน ที่ไม่คิดว่าบึงกาฬเองจะมีที่เที่ยวที่ดีต่อใจเรามากขนาดนี้
และต้องบอกอีกอย่างนึงว่า “น้ำตกถ้ำพระ” จะมีน้ำแค่ในฤดูฝนเท่านั้นนะจ๊ะ มาหน้าอื่น..ก็จะเห็นแค่โขดหิน แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถขึ้นไปเดินเล่น ชมวิวได้เหมือนกัน ความสวยงามจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดูกาลค่ะ จะมาหน้าไหนก็มีเสน่ห์ไม่เหมือนกัน..
สุดท้ายนี้ใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ และนึกภาพไม่ออกว่าบึงกาฬเป็นยังไง ก็อยากจะแนะนำให้ลองไปสัมผัสประสบการณ์พิเศษด้วยตัวเอง เหมือนกับที่เราไปมาแล้ว ก็เก็บความประทับใจกลับมาเล่าสู่กันฟัง และมีความตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีกแน่นอน
และถ้าใครเลือกไม่ถูกว่าจะมาหน้าไหนดี ก็ขอให้มาหน้าที่เราสะดวกค่ะ 55 ล้อเล่นๆ มาหน้าฝนก็ดีค่ะ ก็จะได้เจอน้ำตก ป่าเขียวๆ มีหมอกบางๆ หลังฝนให้เราชื่นชม ถ้ามาหน้าหนาวก็จะเจอกับอากาศเย็นๆ มีทะเลหมอกให้เราชื่นใจ
การเดินทาง : จากอำเภอบุ่งคล้าไปตามทางหลวงหมายเลข 212 ระยะทาง 24 กิโลเมตร ถึงบ้านท่าดอกคำ มีทางดินแยกขวาไปจนถึงห้วยบางบาตร และต่อเรือชาวบ้านเข้าน้ำตก
ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่พาเราไปหาประสบการณ์ดีๆ สนุกๆ และทำให้เราหลงรักจังหวัดบึงกาฬ แบบไม่รู้ตัว
‘>