เกิดอุบัติเหตุ รถกระบะเลี้ยวกะทันหัน ทำรถจักรยานยนต์ตามหลังเบรกไม่ทัน เสียหลักข้ามเลนชนรถบัสที่วิ่งสวนมาพอดี ส่งผลให้นักเรียนอาชีวะหญิง 3 ราย บาดเจ็บสาหัส ส่วนคนขับกระบะหลบหนี เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย…
วันที่ 30 พ.ย. ร.ต.อ.สมบัติ ศรีวงษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีเหตุรถชนกัน 3 คัน บนทางหลวงสาย 2026 เซกา-บึงโขงหลง หลัก กม.ที่ 28 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ฐาประวิชญ์ อินทะชัย ผกก.หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างศรีวิไลจุดบึงโขงหลง และหน่วยกู้ชีพโพธิ์หมากแข้ง
ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถบัสโดยสารประจำทางสาย อุดรธานี-บึงกาฬ สีน้ำเงินฟ้าขาวเหลืองแดง ทะเบียน 10-2434 อุดรธานี จอดอยู่ข้างถนน โดยมีนายชัยโย ธงศรี อายุ 47 ปี คนขับ อยู่บ้านเลขที่ 20/21 หมู่ 2 ซอยบ้านม่วง ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ยืนรอให้การกับตำรวจอยู่ ที่ล้อหน้าด้านฝั่งขวาคนขับพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ สีน้ำเงิน-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ถูกล้อรถบัสเหยียบพังยับ
รวมทั้ง พบนางสาวจริยา ช่างคำ อายุ 18 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด โดยมีบาดแผลถูกรถบัสเหยียบเป็นแผลฉีกขาดที่แขนด้านขวาตั้งแต่ข้อศอกจนถึงฝ่ามือ คนที่ 2 นางสาววนิดา ช่างคำ อายุ 22 ปี พี่สาวคนซ้อน มือด้านขวาเป็นแผลลึกและฉีกขาดเป็นรอยยาว คนที่ 3 นางสาวศุภนิดา รักมิตร์ อายุ 16 ปี คนซ้อน บาดเจ็บที่ศีรษะถูกกระแทกอย่างแรง มีเลือดออก นอนหมดสติอยู่ใต้ท้องรถอย่างน่าหวาดเสียว
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คนขี่รถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุซ้อน 3 คนมุ่งหน้าเข้า อ.เซกา โดยได้วิ่งไปตามหลังรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ถึงที่เกิดเหตุรถกระบะคันดังกล่าวได้เปิดไฟเลี้ยวขวากะทันหัน เพื่อข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ น.ส.จริยา เป็นคนขี่ตามหลังมาเบรกไม่ทัน ชนเข้าที่กันชนท้ายมุมด้านขวา แล้วจึงเสียหลักข้ามเลนไปชนกับรถบัสที่วิ่งสวนทางมาพอดี ทำให้บาดเจ็บดังกล่าว
ขณะที่หลังเกิดเหตุมีผู้หญิงลักษณะผอม อายุราว 50 ปี เปิดประตูรถด้านซ้ายลงมาดูเหตุการณ์ แต่ไม่ได้ช่วยอะไร แล้วเดินกลับไปขึ้นรถ ส่วนคนขับรถรูปร่างผมสูงผมหงอกมีอายุมากแล้วอาศัยช่วงชุลมุนที่หน่วยกู้ภัยกำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอยู่นั้น ได้ขับรถหลบหนีไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอขอบคุณข่าว ไทยรัฐออนไลน์ อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1140257
‘>