บั้งไฟพญานาคบึงกาฬ 24 ต.ค. นับได้รวม 86 ลูก ลุ้นคืนนี้อาจมีให้เห็นอีก

บั้งไฟพญานาคที่บึงกาฬ เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นับได้รวมทั้งหมด 86 ลูก นักท่องเที่ยวยังรอลุ้นชมอีกวัน ขณะที่บางส่วนเที่ยวเช็กอินตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งแวะพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต ที่ อ.โซ่พิสัย…

เมื่อ 25 ต.ค.2561 สรุปบั้งไฟพญานาคที่ จ.บึงกาฬ ประจำปี 2561 จากการติดตามการรายงานผลการปรากฏขึ้นของบั้งไฟพญานาค ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ หลังจากเกิดบั้งไฟพญานาคลูกแรก เมื่อเวลา 18.17 น. ที่บ้านท่าสวรรค์ หมู่ที่ 7 ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ หลังจากนั้น มีบั้งไฟพญานาคทยอยพุ่งขึ้นกลางแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง จนถึงเวลา 22.00 น. มีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นที่ บริเวณลานพญานาค อ.ปากคาด จำนวน 49 ลูก บริเวณแก่งอาฮง ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ จำนวน 6 ลูก บ้านหนองเข็ง ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จำนวน 8 ลูก บ้านสะง้อ ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จำนวน 6 ลูก และบ้านท่าสีไค ต.ดงบัง อ.บึงโขงหลง อีกจำนวน 17 ลูก รวมทั้งสิ้นจำนวน 86 ลูก

สำหรับบั้งไฟพญานาคในปีนี้ มีสีส้มอมแดงเหมือนเดิม สำหรับคืนนี้ 25 ต.ค. ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 ก็คาดว่าจะเป็นอีก 1 วัน ที่มีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้น เนื่องจากทุกปีจะมีปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคขึ้นหลังวันออกพรรษา 1 วัน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งตั้งใจรอชมบั้งไฟพญานาคในคืนนี้ต่ออีก 1 วัน

ส่วนนักท่องเที่ยวบางส่วนยังคงเที่ยวชมความงดงามทางธรรมชาติของจังหวัดบึงกาฬ ในหลายๆ พื้นที่ทั้ง วัดอาฮงศิลาวาส วัดภูทอก วัดหลวงพ่อพระใหญ่ และโดยเฉพาะจุดเช็คอินแห่งใหม่ของอำเภอโซ่พิสัย คือ พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ พร้อมเรียนรู้เรื่องราววิถีถิ่นอีสานร่วมสมัย พร้อมซึมซับวิถีถิ่นชาวบ้านในอดีต ผ่านเรือนไม้อีสานในสไตล์ร่วมสมัย ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่ ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ หมู่บ้านเล็กๆ และเงียบสงบ

นักท่องเที่ยวจะได้เจอกับเรือนไทยอีสานในสไตล์ร่วมสมัย เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของครอบครัวชาวอีสานในสมัยก่อน ผ่านข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และเช็กอินถ่ายภาพกับ Street Art Buengkan ภาพวาดเรื่องราวพญานาค กับแต่ละอาชีพของชุมชนลุ่มแม่น้ำโขงกว่า 20 ภาพตามฝาบ้านเรือนไม้อีสาน แห่งเดียวในโลก แต่ละภาพสะท้อนถึงตัวตนและวิถีชีวิต ความเชื่อ วัฒนธรรม และประเพณีของชาวอีสานเอาไว้อย่างลงตัวจนน่าประทับใจ ซึ่งในวันนี้มีนักท่องเที่ยวแวะถ่ายภาพชมเรื่องราวเป็นจำนวนมาก.

ขอขอบคุณที่มาข่าว ไทยรัฐออนไลน์ https://www.thairath.co.th/content/1403470

‘>