วันนี้วันที่ ๑ กุมภาพันธ์เป็นวันคล้ายวันละขันธ์ รำลึก ๑๑ ปี อริยสาวิกาคุณยายชีโสดา โสสุด แห่งสำนักปฏิบัติธรรมทิพยสถานวิสุทธิมรรค ต.ดงหม้อทองใต้ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร คุณยายชีโสดา โสสุด ท่านเป็นผู้รู้แจ้งแทงตลอดในพระธรรมจึงไม่มีความอาลัยอาวรณ์และไม่ยึดมั่นในเบญจขันธ์ อันเป็นเชื้อแห่งการเกิดในภพชาติอีก ท่านพากเพียรปฏิบัติธรรมอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ แห่งวัดภูทอก คุณยายชีปฏิบัติอย่างจริงจัง ทั้งเดินจงกรม นั่งภาวนาจากหัวค่ำจนรุ่งเช้าอีกวัน ครั้งนึงหลวงปู่จวนเรียกคุณยายชีไปอบรมว่า “ตู้จ่อย(ปกติหลวงปู่จวนเรียกคุณยายชีว่าตู้จ่อย เพราะคุณยายมีรูปร่างเล็ก) ตู้จ่อย ห้ามไม่ให้ถอดกายทิพย์ลอยเหนือภูทอก เพราะอยู่บนหัวพระเณร เดี๋ยวจะเป็นบาป” คุณยายชีโสดา โสสุด ท่านปฏิบัติเป็นแบบอย่างอันดีงาม เคารพครูบาอาจารย์และต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ในเส้นทางอริยมรรคมาอย่างยาวนาน จนถึงการสิ้นสุดลงแล้วของวัฏสงสาร ทั้งชาติ คือความเกิด ชรา คือความแก่ พยาธิ คือความเจ็บ และสุดท้าย มรณา คือความตาย ขอน้อมนำประวัติคุณยายชีโสดา โสสุด มาเผยแพร่เพื่อน้อมบูชาคุณอริยสาวิกาแห่งภูทอก
“สติอย่าได้หวั่นไหว สติเป็นรั้วรอบของจิต อย่าให้จิตเศร้าหมอง ให้จิตผ่องใส ให้จิตประภัสสร เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งออกจากท้องแม่” ธรรมคำสอนของคุณยายชีโสดา โสสุด
• #ชาติภูมิ
คุณยายชีโสดา โสสุด มีนามเดิมว่า นางโสดา เทพคำดี เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๓ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีวอก เป็นบุตรสาวคนโตของนายคำสิงห์ และนางเจือ เทพคำดี บ้านเดิมอยู่อำเภอคำชะอี ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่บ้านโพนไค ตำบลมาย อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร เป็นชนเผ่าภูไท จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ ชีวิตครองเรือน คุณยายโสดา อาชีพค้าขาย ได้ สมรสกับนายลี เคนยา มีลูกด้วยกัน ๑๒ คน เสียชีวิตในวัยเยาว์ ๑๐ คน เหลือชาย ๑ หญิง ๑
• #อุปนิสัย
คุณยายชีมีอุปนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน โอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านไม่ยอมฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฉันชอบทำบุญเข้าวัดรักษาศีลเรื่อยมา เมื่อถึงวันพระท่านจะปิดร้านค้าเข้าวัด เพื่อรักษาอุโบสถศีล บำเพ็ญภาวนา ถ้าไม่ห่วงเรื่องครอบครัว เพราะท่านมีฐานะดี ปานกลาง ซึ่งท่านคาดหวังว่าในบั้นปลายชีวิต จะออกบวชชีและจบชีวิตใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนาเหมือนกับคุณพ่อและคุณแม่ของท่าน
• #การออกบวชชี
พ.ศ.๒๕๑๘ เมื่อลูกชายของฉันเรียนจบสอบบรรจุครูได้รับราชการแล้ว หลังจากนั้นหกเดือน ลูกชายได้รับเงินตกเบิกเป็นเงินหกพันกว่าบาทนำมามอบให้ท่าน และท่านก็ขออนุญาตนำเงินจำนวนนั้นไปใช้หนี้สินที่จ้างติดค้างอยู่ประมาณสองพันบาท และบอกกับลูกชายว่า ท่านอยากบวช ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว พ่อท่านไม่มีห่วงอะไรนอกจากลูกชาย เมื่อลูกชายมีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งแล้ว เรื่องจริงขออนุญาตออกบวช ลูกชายขอร้องไว้ไม่ให้บวชในช่วงนั้น เพราะต้องการเลี้ยงดูท่านตามหน้าที่ของลูก แต่ท่านบอกว่าท่านสบายดี ขอให้ท่านบวชเถอะ แม้การบวชของท่านจะทุกข์ขนาดไหน สำหรับทุกข์กายท่านจะอดทน เพราะมีความสุขใจ ที่ท่านได้บวชตามใจที่ท่านปรารถนา เมื่อเห็นฉันพูดอย่างนั้น ลูกชายก็อนุโมทนา ไม่ขัดขวาง หลังจากท่านได้รับอนุญาตจากลูกชายแล้ว ท่านก็ปรึกษากับพ่อลีและลูกสาวของท่าน คุณยายว่า ท่านจะลองบวชดูสัก ๑ พรรษา ในช่วงที่ท่านบวชนี้ หากพ่อลี่คิดอยากมีเมียใหม่ ท่านก็จะจัดพิธีแต่งงานให้เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อนหากบุญบวชท่านหมด สร้อยก็จะกลับมาอยู่กับลูก เมื่อทุกคนเห็นความตั้งใจจริงของท่านแล้ว จึงพากันอนุโมทนา
ท่านบอกว่าจะไปบวชกับหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ เจ้าอาวาสวัดภูทอก หลวงปู่จวนทำพิธีบวชให้ในวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๙ หลังจากท่านบวชเป็นแม่ชีแล้ว ท่านก็ขออนุญาตหลวงปู่จวน ขอแยกจากหมู่คณะแม่ชี ไปปลูกกุฏิอยู่ตามลำพังผู้เดียว ซึ่งห่างจากหมู่คณะประมาณ ๓๐๐ เมตร ขณะนั้นปกติมีแม่ชีอยู่เป็นหมู่คณะและมีแม่ชีอยู่ด้วยกัน ๒๔ รูป
หลังจากหลวงปู่จวนอนุญาตให้ท่านแยกออกจากหมู่คณะแล้ว ท่านก็มีเวลาบำเพ็ญเพียรกรุณาอย่างเคร่งครัด โดยช่วงเช้าหลังจากฉันอาหารเสร็จ ท่านจะตั้งจิตอธิษฐาน เดินจงกรมเป็นเวลา ๒ ชั่วโมง ในเวลาบ่ายท่านเดินจงกรมเป็นเวลา ๓ ชั่วโมง ทุกวันท่านจะปฏิบัติเช่นนี้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะช่วงกลางคืนหลังจากสวดมนต์ ฟังคำอบรมสั่งสอนจากหลวงปู่จวนเสร็จ คุณยายจะไปนั่งสมาธิเป็นเวลา ๔ ชั่วโมง บางราตรีก็สว่างจนตลอดทั้งพรรษา ถ้าปฏิบัติอย่างนั้นจนครบตลอดทั้งพรรษามิได้ขาด หลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงปู่จวนท่านอนุญาตให้คุณยายชีเจริญภาวนาบำเพ็ญภาวนาอย่างเต็มที่ และให้ท่านมีอิสระส่วนตัวและปฏิบัติด้วยตนเองตลอดมา
ในพรรษาที่สอง ลูกชายที่เป็นครู ได้ลาอุปสมบทที่ภูทอก ซึ่งขณะที่บวชเป็นพระ ได้บิณฑบาตเลี้ยงโยมแม่ตลอดพรรษา ในคืนสุดท้ายของพรรษา พระลูกชายขอลาสิกขา หลวงปู่จวนเลยถามว่า “ใครจะไม่สึก” คุณยายชีโสดา ตอบหลวงปู่ว่า “ข้าน้อยขอบวชจนตลอดชีวิตนี้ โสสุดแล้ว ขอตายในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์” หลวงปู่จวนเลยตั้งฉายาให้คุณยายชีโสดาว่า “คุณแม่ชีโสดา โสสุด” ตั้งแต่นั้นมา
• #ปฏิปทาจริยวัตร
ปฏิปทาและจริยวัตรที่น่าเคารพเลื่อมใสของคุณยายชีโสดา โสสุด เป็นสิ่งที่ลูกศิษย์ทั้งหลายสมควรเอาเป็นแบบอย่างในคุณงามความดีที่คุณยายชีด้วยพากเพียรประพฤติปฏิบัติในสิ่งต่างๆเหล่านี้ คือ
• #เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติ
การปฏิบัติธรรมของคุณยายชีโสดา โสสุด ดำเนินตามแนวปฏิบัติธรรมของพระธุดงคกรรมฐานและพระอริยสงฆ์ผู้เป็นพระบุพพาจารย์ พี่หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ดังนั้นท่านจึงมุ่งแต่ภาวนาตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัดตลอดทั้งช่วงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เข้าพรรษา และออกจากพรรษา ท่านปฏิบัติกิจอันควรในบวรพระพุทธศาสนาไม่เคยว่างเว้น
• #ความกล้าหาญมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวในอรรถในธรรม
คุณยายชีโสดา โสสุด เคยได้ตั้งสัจจะปฏิบัติภาวนาอยู่ในทางจงกรมด้วย ๓ อิริยาบถ ได้แก่ การยืน เดิน นั่งภาวนา ไม่นอน เป็นเวลา ๙ เดือน เท่ากับระยะเวลาที่ได้อยู่ในท้องแม่ แสดงให้เห็นถึงปฏิปทาที่ตั้งมั่น ตามรอยทางของพ่อแม่ครูอาจารย์อย่างมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว คุณยายชีเคยพูดว่า เมื่อใดที่มีความเกียจคร้าน ง่วงเหงาหาวนอน ให้เตือนตนเองว่า “เรานอนอยู่ในท้องแม่ เป็นเวลาตั้ง ๙ เดือนแล้ว …เรายังมีเวลาได้นอนอีกนาน ต่อแต่นี้เราจะลุกขึ้น ไม่นอนอีกแล้ว”
• #อุบายธรรมของหลวงปู่จวน_ที่ทดสอบคุณยายชี
ครั้งหนึ่งที่ภูทอก หลวงปู่จวน ได้มีอุบายทำให้แม่ชีออกไปจากภูทอก และมีหมอดูมาทำนายว่า พระแม่ชีไม่ออกไปจากภูทอกจะตายภายใน ๗ วัน ๗ คืน แต่คุณยายชี้ไม่ไปไหน ยังคงอยู่ที่ภูทอก และปฏิบัติกิจเช่นเดิม จนวันหนึ่งหลวงปู่จวนได้เรียกคุณยายไปซักถาม
หลวงปู่จวน “ตู้จ่อย ไหนลองว่ามาซิ ไล่อย่างไรก็ไม่ไป”
คุณแม่ชีโสดา “หลวงปู่จวน บ่ ได้ไล่ข้าน้อย หลวงปู่ไล่กิเลสข้าน้อยต่างหาก”
หลวงปู่จวน “นี่แหละ เพชรน้ำหนึ่งของภูทอก เป็นหนึ่งแล้วจริงๆ”
• #ความเคารพนอบน้อมในพระสัทธรรม
คุณยายชีก็เป็นผู้ที่เคารพพระธรรมมากและมีความนอบน้อมต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ พระภิกษุและสามเณรทุกรูป ทุกนาม สังเกตจากจริยวัตรของท่านที่งดงามเรียบร้อย โดยเฉพาะเมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์แสดงพระธรรมเทศนา ไม่ว่าต่อหน้าองค์ท่าน หรือในทีวี วิทยุ ท่านจะตั้งใจฟัง นั่งพับเพียบเรียบร้อย และมักจะไม่เปลี่ยนอิริยาบถ หากท่านยังแสดงพระธรรมไม่จบ คุณยายชีฟังพระธรรมเทศนาขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนเป็นประจำ และมักเขียนท่านยกมือขึ้นเหนือศีรษะด้วยความเคารพบูชาองค์หลวงตาอย่างสูงสุด
• #จากบันทึกด้วยลายมือของคุณยาย
“จิตขาวคือนวลฝ้าย แยงเบิ้งกายก็เป็นแก้วเป็นแว่น แม่นละน้อฮานี้ พระธรรมเจ้าเข้ารักษา”
บันทึกเมื่อ เมษายน ๒๕๕๑
“ข้าสิเอาตนข้าม หนองกระแสแสนยาน ข้ามพ้นแล้ว นางแก้วบ่ตาวคืน
เทวดาอยู่ฟ้าโมทนาชมชื่น ปานว่าได้หมื่นแก้ว มาเข้าใส่ถุง
สงสารนี้คือกันทั้งโลก ขั้นผู้ใดบ่ข้าม โคกกว้างซิเทียมไซ้อยู่เลิง”
บันทึกเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
• #การอาพาธ
ปกติคุณยายชีโสดา โสสุด มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ใคร่จะเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าท่านมีอาการเจ็บป่วย ในบางครั้งฉันจะภาวนารักษาอาการป่วยของท่านด้วยธรรมโอสถ ในเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ คุณยายได้ลื่นล้มในห้องน้ำ ทำให้ท่านเริ่มเจ็บป่วยมาโดยลำดับ จนถึงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๒ อาการได้ทรุดหนัก ฉันอาหารไม่ได้ ฉันได้เฉพาะน้ำหวาน น้ำเปล่า น้ำอุ่น ครั้งละ ๒ ช้อนชา ตลอดเวลาที่ท่านป่วย ท่านได้รับความเมตตาจากท่านพระอาจารย์ตุ๊ หรือหลวงพ่อเติมศักดิ์ ยุตฺตธัมโม วัดป่าดงพระ จ.สกลนคร ผู้เป็นศิษย์หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐผู้หนึ่ง ปกติแล้วท่านได้ช่วยให้การอุปการะดูแลสำนักปฏิบัติธรรมของคุณยายชีโดยเสมอมา ท่านพระอาจารย์ตุ๊ มาเยี่ยมเยียนอาการป่วยของคุณยายชีทันที เมื่อได้ทราบข่าวอาการป่วย
• #ละวางธาตุขันธ์
วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธัมโม วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร ได้มาเยี่ยมอาการป่วยคุณยายชี เป็นชุดสุดท้าย เวลา ๒๑.๕๐ น. คุณยายนอนสงบอยู่บนเตียง ฉันขอดื่มน้ำแล้วบอกว่าคอแห้ง แม่ชีอุปัฏฐากถวายนักบุญให้ท่านดื่ม ๓ ช้อนชา ทุกคนที่เฝ้าไข้ดีใจที่คุณแม่จะหายป่วยแล้ว พระลูกชายถามคุณแม่ว่า “คุณแม่หายป่วยแล้วใช่ไหม” ถ้าไม่ตอบแต่พยักหน้ารับว่า “หายแล้ว” พระลูกชายจึงพูดกับคุณแม่ว่า “คุณแม่อยู่กับลูกหลานต่อไปอีกนานๆ นะ” คุณแม่ท่านนอนเฉยๆ ไม่ตอบรับเอาลูกชาย พระลูกชายจึงถามต่ออีกว่า “คุณแม่หมดหนี้สิน ไม่มีเวรมีกรรมต่อใครแล้วใช่ไหม” คุณแม่พยักหน้ารับว่า “หมดแล้ว” จากนั้นได้ก็จัดเสื้อผ้าที่ท่านสวมใส่อยู่ให้เรียบร้อย แล้วก็หลับตาลงอย่างสงบ ในเวลา ๒๒.๐๐ น. คุณยายชีโสดา โสสุด ได้ละขันธ์ด้วยอาการสงบเหมือนคนนอนหลับไป สิริอายุ ๘๙ ปี ๑ เดือน ๒๑ วัน รวม ๓๓ พรรษา เมื่อท่านละขันธ์ไปแล้ว อัฐิของท่านได้กลายสภาพเป็น “พระธาตุ” อันงดงาม ซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์ โดยปราศจากความสงสัย ดังที่พ่อแม่ครูอาจารย์ได้เคยกล่าวไว้ ตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่…
คุณยายชีเคยบอกไว้ว่า… “ไม่มีสิ่งใดต้องสงสัยในยาย ยายไม่มีสิ่งใดต้องสงสัยอีกแล้ว”
“จงทำตัวให้เป็นผ้าขี้ริ้ว ทำหัวใจให้หนักแน่นเหมือนแผ่นดิน” ธรรมคำสอนของคุณยายชีโสดา โสสุด
• #หมายเหตุ แอดมินท่องถิ่นธรรม เคยได้ไปกราบคุณยายชีโสดา อยู่หลายครั้ง ท่านจะมีอนาคตังสญาณ พูดกล่าวทักล่วงหน้าหลายอย่างได้ตรง แต่ถึงกระนั้น ท่านก็สอนให้สติเรายึดกับ “พุทโธ” ไม่ให้ส่งจิตออกนอก และคุณยายมักมีครูบาอาจารย์แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอๆ สำนักชีแห่งนี้อยู่ในความดูแลของท่านพระอาจารย์ตุ๊ หลวงพ่อเติมศักดิ์ ยุตฺตธัมโม วัดป่าดงพระ จ.สกลนคร เพราะแม่ชีโยมมารดาของท่านพระอาจารย์ตุ๊ ก็ถือเป็นศิษย์น้องของคุณยายชีโสดา ที่มีคุณธรรมสูงด้วยเช่นกัน
แอดมินคัดลอกมาจากหนังสือ อนุสรณ์งานศพคุณยายชีโสดา โสสุด ; พิมพ์แจกเมื่อปี ๒๕๕๒
(พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ)
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านบอกแม่ชีโสดาภายในนั้นโ
..สมัยแม่ชีโสดาปฏิบัติกับ
ถามหลวงปู่ชอบ ฐานสโม..ทำไมท่านพระอาจารย์
ท่านบอก ผู้สิจับลิงได่ต้องไวกั่วลิ
ถามหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ..ผู้หญิงกับผู้ชายใครบรรลุ
ท่านบอก ผู้ชายจะเด็ดขาดในการปฏิบัต
ถามหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ธรรมนี้อยู่ในหทัยใจดวงไห
องค์ท่านบอก ธรรมบ่ได้อยู่ที่เพศหญิงเพศ
คุณยายชีโสดา โสสุด มีอุปนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน โอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมาท่านไม่ยอมฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ท่านชอบทำบุญ เข้าวัดรักษาศีลเรื่อยมา เมื่อถึงวันพระท่านจะปิดร้านค้าเข้าวัด เพื่อรักษาอุโบสถศีลบำเพ็ญภาวนา ท่านไม่ห่วงเรื่องครอบครัว เพราะท่านมีฐานะดีปานกลาง ซึ่งท่านคาดหวังว่าในบั้นปลายชีวิต ท่านจะออกบวชชีและจบชีวิตใต้ร่มพระพุทธศาสนาเหมือนกับคุณพ่อและคุณแม่ของท่าน
ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น’>