LINE : ติดต่อผู้ดูแล

ยินต้อนรับเว็บไซต์ข่าวสารเพจข่าวท้องถิ่นบึงกาฬ

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2024
คอลัมน์วันนี้

พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ กับ ในหลวง

__141_632

วันหนึ่งมีข่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จะเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการอ่างเก็บน้ำบ้่านนาต้อง
ซึ่งอยู่ใกล้กับภูทอก และจะเสด็จมาที่ภูทอกด้วย
ท่าน (พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ) จึงเตรียมจะเลี่ยง แต่เมื่อทุกคนยืนยันว่าไม่ถูกต้อง
ท่านก็เรียกผู้เขียน (คุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต) ไปปรึกษาว่าจะทำอย่างไร
ท่านเป็นพระป่าไม่เคยรับเสด็จเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน
ไม่รู้จักราชาศัพท์เกรงว่าจะผิดพลาด
…ใกล้จะถึงกำหนด ทราบว่าทางการขอนิมนต์ให้ท่านไปนั่งในปะรำรับเสด็จ
เพราะจะไม่เสด็จที่วัด ท่านอาจารย์บ่นว่า เอ เขาจะให้ไปทำอะไร
เขาจะว่าเป็นพระไปประจบพระราชา…

“พระเจ้าอยู่หัวท่านไม่ทราบเรื่อง ถ้าเสด็จมา ผ่านไป
ไม่ทราบว่าพระอะไรมานั่งทำไม อาตมาก็เสีย
พระวินัยมีไม่ให้ประจบพระราชา
ท่านก็จะเสีย ว่าไม่เคารพพระ ไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น”

ท่านรองผู้ว่าฯ กราบเรียนชี้แจงว่าที่ไม่ได้เสด็จที่วัดนั้น
เพราะเวลามีจำกัจ จะต้องเสด็จไปเรื่องโครงการชลประทานถึง ๒ ตำบล
ทางการจึงนิมนต์ให้ท่านอาจารย์ไปที่ประรำรับเสด็จ
เรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะไม่ทรงทราบเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้
เพราะทางกรุงเทพฯ แจ้งมาว่า
มีพระราชประสงค์จะทรงกราบนมัสการท่านอาจารย์จวน
นี่เมื่อครู่นี้ก็มีวิทยุมา ผมเพิ่งรับข่าวรับสั่งถามเรื่องเครื่องไทยทาน
ที่จะถวายพระอาจารย์เรียบร้อยไหม ถ้าท่านไม่ออกไปพวกผมตายแน่

เมื่อทราบความแน่นอนว่าจะไม่ผิดพระวินัยแล้ว
ท่านก็รับว่าจะไปอยู่ในประรำ แต่ก็เกิดปัญหาใหม่ขึ้น
ซึ่งทำให้ทุกคนในที่นั้นอดอุทานไม่ได้
ผู้เขียนนั้นต้องร้องอีกครั้งหนึ่ง “โธ่ ท่านอาจารย์ !”

ปัญหาของท่านคือ ถ้าเสด็จมาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนไหนคือในหลวง…!

ท่านยิ้มอายๆ เมื่อเห็นทุกคนหัวเราะขึ้นพร้อมๆ กัน
“ก็ไม่ทราบจริงๆ”

เป็นอันตกลงว่าเวลาเสด็จพระราชดำเนิน
ท่านรองผู้ว่าจะต้องคอยอยู่ใกล้ชิดท่านอาจารย์
เพื่อคอยบอกให้ท่านทราบ คงไม่มีปัญหา

แต่ปัญหาก็ยังคงมีจนได้…!

กล่าวคือ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินมาถึงปะรำ
พวกเราที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่ไม่ไกลนัก
เห็นถนัดว่า ท่านอาจารย์มีการสะดุ้ง
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกราบท่าน
ทรงคุกพระชานุ มีพระราชปฏิสันถารกับท่านอาจารย์เป็นเวลานาน
และตลอดเวลาท่านอาจารย์ก็กราบทูลอย่างยิ้มแย้ม
ไม่ติดขัด จริงแท้ ราชาศัพท์ไม่มีความจำเป็นเลย

ต่อเมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับแล้ว
เราจึงทราบสาเหตุของอาการสะดุ้งของท่าน
เพราะท่านต่อว่าท่านรองผู้ว่าฯ…
“ไหนว่าจะคอยบอกว่าคนไหนเป็นในหลวงไง เราเกือบแย่เลย”
คราวนี้ทุกคนหัวเราะกันครืนใหญ่

ได้ความว่า เวลาขบวนเสด็จใกล้จะมาถึงปะรำ
ท่านก็ถามท่านรองผู้ว่าฯ ซ้ำอีก
ท่านรองผู้ว่าฯ อธิบายว่า คนแรกนั้นแหละในหลวง
ไม่มีใครกล้าเดินก่อนหน้าในหลวงหรอก
และที่จะสังเกตได้อีกประการหนึ่ง คือท่านจะทรงถือวิทยุในพระหัตถ์ด้วย

ท่านอาจารย์ก็เชื่อ คอยรออยู่
เหตุนี้เมื่อ พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร
เดินนำมาในฐานะที่เป็นตำรวจประจำพระราชสำนักขณะนั้น
ก็ต้องนำเสด็จเป็นปกติ เดินมาเป็นคนแรก แถมในมือถือวิทยุ…!

ตรงตามข้อสรุปแนะของท่านรองผู้ว่าฯ พอดี
ท่านอาจารย์จึงสงสัยเมื่อเห็นคุณวสิษฐ์เดินเลยผ่านท่านไป
ซึ่งก็เป็นธรรมดาของท่านผู้มีหน้าที่ถวายอารักขาจะนำเสด็จ
และไปหยุดรอข้างหน้า ส่วนท่านอาจารย์ก็คิดรำพึงว่า
“เอ…ทำไมในหลวงเสด็จผ่านเลยไป…”

ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมาประทับเบื้องหน้าท่าน
ทรงกราบนมัสการใกล้จนแทบจะถูกตักท่านอาจารย์
ซึ่งกำลังมองตามคุณวสิษฐ์ จึงสะดุ้งอย่างไม่คาดคิด…!

ท่านยิ้มอย่างเขิน เมื่ออธิบายว่า “คิดว่าท่านจะแต่งเครื่องแบบ”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์แบบเสื้อเบลเซอร์
ในขณะที่คุณวสิษฐ์แต่งเครื่องแบบ

เป็นเรื่องขบขันที่เราแอบนำมาเล่ากันอยู่นานทีเดียว
แต่ความจริงลึกๆ ลงไปในใจ เราก็อดคิดไม่ได้ว่า
นี่แหละ…พระป่า ท่านอยู่แต่ในป่าในเขา…ไม่สนใจเรื่องภายนอกกันจริงๆ

หลังจากเสด็จพระราชดำเนินครั้งนั้น
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังมีฏีกานิมนต์
ให้ท่านอาจารย์ไปในงานพิธีโอกาสต่างๆ อยู่เป็นปกติ

 

__241_206

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมนมัสการพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
วาระแรก เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๐

พระคุณเจ้าที่นั่งถัดจากพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
คือ พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม)
วัดสามัคคีอุปถัมภ์ (วัดภูกระแต) ต.วิศิษฐ์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ

paragraph__paragraph_11__22_190

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมนมัสการพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
อีกวาระหนึ่ง เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๒

 

 

 

paragraph_453

ใน “หนังสือกุลเชฏฐาภิวาท”
ที่ระลึกเนื่องในวโรกาสทรงเป็นประธานในพิธีบรรจุพระอัฐิธาตุ
และทรงเปิดพระเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ บันทึกไว้ว่า

เมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
เสด็จฯ จากภูพานราชนิเวศน์ไปทอดพระเนตร
โครงการชลประทานลุ่มน้ำบางบาดตามพระราชดำริ
อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย (อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ในปัจจุบัน)
และทรงเยี่ยมราษฎรจังหวัดหนองคาย

ในครั้งนั้นได้ทรงมีพระราชดำรัสกับพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
แห่งวัดภูทอก (วัดเจติยาคีรีวิหาร)
ทรงถวายยาชุดและผ้าห่มแก่พระอาจารย์จวนด้วย
เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๐
นับเป็นวาระแรกที่ทรงเยี่ยมนมัสการพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
และทรงมีพระราชดำรัสทางธรรมะด้วย
นับแต่นั้นมาก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์มา
ในงานพระราชพิธีและงานพิธีต่างๆ เป็นปกติประจำ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมนมัสการ
ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ อีกวาระหนึ่ง
เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๒

ผลของการเสด็จพระราชดำเนินครั้งแรก
ซึ่งทรงมีพระราชปรารภจะให้จัดสร้างอ่างเก็บน้ำ
เพื่อช่วยราษฎรในการเกษตร
ท่านพระอาจารย์ก็อนุโมทนาในพระราชดำรินั้น
และตั้งต้นคิดจัดทำฝายน้ำตามบริเวณหมู่บ้านหลายแห่ง
โดยเฉพาะระหว่างภูทอกน้อยและภูทอกใหญ่
ให้รถแทรกเตอร์มาเกรด พูนดิน สร้างอ่างเก็บน้ำ
เงินกฐิน ผ้าป่า และแม้เงินพระราชทานก็เช่นเดียวกัน
ท่านสั่งจ่ายเป็นค่าแทรกเตอร์หมด

ท่านว่า “เงินของท่าน ก็ทำบุญให้ท่าน
ความจริงแผ่นดินนี้เป็นของท่าน ราษฎรก็ของท่าน
ก็เอาเงินของท่าน ทำให้แผ่นดินของท่าน ทำให้ราษฎรของท่าน”

อ่างเก็บน้ำนี้ ภายหลังกรมชลประทานมาจัดแต่งเสริมคันดินให้มั่นคง
ปัจจุบันเป็นที่เก็บน้ำสำหรับการประปาในวัดและหมู่บ้านนาคำแคน

เมื่อท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกถึงแก่มรณภาพ
เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๓
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์
บำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานตลอด ๗ วัน
ณ วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร กรุงเทพฯ

ในวันพระราชทานเพลิงศพท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๔
ณ เมรุชั่วคราวหน้าวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก)
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธาน
พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

ระหว่างพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ
ให้ญาติสนิทและศิษย์เข้าเฝ้าเบื้องพระยุคลบาท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปรารภว่า

“อัฐิของท่านพระอาจารย์จวนนั้น ไม่ควรจะแบ่งแยกกันออกไป
ควรจะเก็บรวบรวมกันไว้ ณ ที่วัดที่เดียวกัน
เพื่อให้บรรดาศิษย์และประชาชนได้มาเคารพสักการะได้ทั่วกัน”

และทรงมีพระราชดำรัสถามว่า

“ท่านพระอาจารย์ได้เคยสั่งเกี่ยวกับอัฐิของท่านไว้ประการใดบ้าง”

ทั้งศิษย์และญาติสนิทของท่านต่างกราบบังคมทูลมีข้อความตรงกันว่า

“ท่านเคยสั่งว่า เขาภูทอกนี้เป็นเสมือนเจดีย์ใหญ่อยู่แล้ว
อาตมาตายไม่ต้องทำอะไร ให้เจาะเขาข้างบนนำกระดูกไปฝังไว้ก็พอแล้ว
หรือถ้าเกรงว่าจะเป็นภาระ จะโยนทิ้งเหวไปก็ได้”

เมื่อทรงฟังคำกราบบังคมทูลประโยคสุดท้าย
ก็ทรงพระสรวลและทรงพระกรุณาพระราชทานพระดำริว่า

“ถ้าเช่นนั้น ก็ควรจะสร้างพระเจดีย์บรรจุอัฐิของท่าน
ไว้บนยอดเขา…และจะมาช่วยสร้างด้วย”

และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระราชดำรินี้ให้ทราบทั่วกัน

สำหรับเจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระราชทานพระราชปรารภว่า

“อัฐิของท่านพระอาจารย์จวนนั้น ไม่ควรจะแบ่งแยกกันออกไป
ควรจะเก็บรวบรวมกันไว้ ณ ที่วัดที่เดียวกัน
เพื่อให้บรรดาศิษย์และประชาชนได้มาเคารพสักการะได้ทั่วกัน”

การสร้างเจดีย์ถือกันว่าเป็นยอดแห่งบุญ
เป็นการสร้างอนุสรณียวัตถุฝากไว้ในพระพุทธศาสนา
ให้มหาชนได้กราบไหว้บูชาสืบต่อพระศาสนา
…ในเมื่อเป็นการสร้างเจดีย์
น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายองค์พระประมุขแห่งชาติ
ผู้ทรงพระมหากรุณาพระราชทานพระราชดำริ
เป็นปฐมเหตุให้ทุกคนได้มีส่วนบำเพ็ญบุญอันยิ่งใหญ่นี้
เป็นการเฉลิมพระเกียรติ ในวโรกาสปีมหารัชมังคลาภิเษก
ที่ทรงเจริญพระชนมายุ สถิตสถาพรในเศวตฉัตร
ยาวยืนนานยิ่งกว่าพระมหากษัตราธิราชเจ้าพระองค์ใดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ผลบุญอันบังเกิดขึ้น ย่อมมากมูล เพิ่มพูน เป็นบททวี หาประมาณมิได้

บุญกุศลใดซึ่งจะพึงบังเกิดจากการสร้างมหาเจดีย์
บูชาพระอริยสงฆ์สาวกแห่งสมเด็จพระบรมศาสดา
บุญกุศลใดซึ่งจะพึงบังเกิดจากการถวายมหาทานนี้
บูชาสมเด็จพระปิยกษัตรามหาราชเจ้าก็ดี
บุญกุศลเหล่านั้นคงจะมีผลมาก มีผลตรง มีผลโดยพลัน

ปวงศิษย์ขอพระราชทานน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมราชบพิตร
พระผู้ทรงเป็นยอด “มงกุฏ” แห่งแผ่นดิน
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ
พระผู้ทรงเป็น “ปิ่น” คู่แผ่นดิน
พร้อมทั้งสมเด็จพระบรมราชเอกโอรส สมเด็จพระบรมราชปิยธิดา
ตลอดจนพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงพระเกษมสำราญ
เจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน พระเกียรติแผ่ไพศาล
พระบารมีเกริกก้องกำจายไปในแผ่นดินทั้งใกล้และไกล

คลิ๊กดูภาพขยาย

วันที่ 18 เมษายน 2524เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพพระอาจารย์จวน กุลชฎโฐ

paragraph____4_176

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมนมัสการพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
วาระแรก เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๐

พระคุณเจ้าที่นั่งถัดจากพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
คือ พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม)
วัดสามัคคีอุปถัมภ์ (วัดภูกระแต) ต.วิศิษฐ์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ

paragraph__paragraph__36_141

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมนมัสการพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
อีกวาระหนึ่ง เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๒

 

Ampol-Jane-02-03lp-juan-009

 

___paragraph_45_894

 

 

เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๓๓
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ
พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีบรรจุพระธาตุและอัฐิธาตุ
พร้อมทั้งทรงเปิดพระเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
ณ วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ

 

 

รูปภาพ

รูปภาพ
“อ่างเก็บน้ำ” อยู่ด้านหลังของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก)
ซึ่งเกิดจากพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้สร้างขึ้นมา
เพื่อใช้ในการเกษตรและการดำรงชีวิตของชาวบ้านที่นี่

:b8: คัดลอกมาจาก…หนังสือกุลเชฏฐาภิวาท
ที่ระลึกเนื่องในวโรกาสทรงเป็นประธานในพิธีบรรจุพระอัฐิธาตุ
และทรงเปิดพระเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฎฺโฐ
ณ วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
คุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต ผู้เขียนและเรียบเรียง
http://www.dharma-gateway.com‘>

คอลัมน์วันนี้ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด