LINE : ติดต่อผู้ดูแล

ยินต้อนรับเว็บไซต์ข่าวสารเพจข่าวท้องถิ่นบึงกาฬ

วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน 2024
ข่าวสังคม-การเมือง

ชาวนาบึงกาฬหันมาทำนาโยนช่วยลดต้นทุนการผลิต

เริ่มเข้าฤดูทำนาที่จังหวัดบึงกาฬในปีนี้ ชาวนาหมู่บ้านอาฮง ตำบลไคสี อำเภอเมืองบึงกาฬ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำนา หันมาทำนาโยนแทนนาดำและนาหว่านเพื่อลดต้นทุการผลิตเนื่องจากปัจจุบันเมล็ดพันธ์และค่าแรงในการทำนามีต้นทุนที่สูงขึ้น
นายจำรูญ หนูกล้วย เกษตรกรรายหนึ่งกล่าวว่าเมื่อก่อนเคยทำนาดำมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูงเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีราคาแพงและค่าแรงในการถอนกล้าและปักดำที่นับวันจะแพงขึ้นเรื่อยๆและแรงงานก็หายากอีกทั้งการทำนาดำค่อนข้างใช้เวลาในขั้นตอนของการถอนกล้าและการปักดำนานจึงมีแนวคิดที่จะหันมาทำนาโยนเพื่อลดต้นทุนการผลิต
ในส่วนของการทำนาดำนั้นมีข้อดีคือระยะห่างของต้นข้าวนั้นจะพอดีไม่เบียดกัน ทำให้ต้นข้าวสามารถเจริญเติบโตได้ดี แต่มีข้อเสียคือต้องใช้เวลานานในการปักดำต้นข้าว ส่วนนาหว่านนั้นใช้เวลาที่น้อยกว่าและได้ปริมาณต้นข้าวที่มากกว่าด้วยการหว่านเมล็ด แต่มีข้อเสียคือในขณะที่รอต้นข้าวเติบโตนั้นก็จะเสียเมล็ดไปกับการมาจิกกินของนก และหากฝนตกในวันที่หว่านแล้วเมล็ดข้าวก็จะลอยหายไปกับน้ำ ทำไห้สิ้นเปลืองเมล็ดพันธ์และมีต้นทุนสูง
ข้อดีของการทำนาโยนคือ การประหยัดเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ต้องสูญเสียไปกับน้ำ ระยะห่างของต้นข้าวที่มีมากกว่าก็ทำให้ข้าวสามารถแตกกอได้ดีกว่า และการเติบโตของต้นกล้าข้าวที่โยนลงไปก็ไม่หยุดชะงักเหมือนนาดำที่ต้องปักต้นกล้า อีกทั้งยังใช้ต้นทุนและแรงงานน้อยกว่า ซึ่งวิถีการทำนาโยนนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากมาก เริ่มต้นด้วยการคัดสรรเมล็ดพันธุ์ข้าวตามที่ต้องการ และหากระบะเพาะกล้าที่มีลักษณะเป็นหลุม จากนั้นโรยเมล็ดพันธุ์ข้าวลงหลุมกระบะเพาะกล้า ประมาณหลุมละ 3-5 เมล็ด ตามด้วยการร่อนดินลงหลุมให้เต็ม แต่อย่าให้ดินล้นออกมานอกหลุมเพราะจะทำให้รากข้าวที่งอกออกมาพันกัน เวลาหว่านต้นข้าวจะไม่กระจายตัวหลังจากทำกระบะเพาะเมล็ดข้าวเสร็จแล้วให้นำมาวางไว้บริเวณที่มีแสงแดดรำไร และหาอุปกรณ์ อาทิ กระสอบป่าน หรือสแลนพรางแสงวางคลุมไว้เพื่อเวลารดน้ำจะได้ไม่กระเด็น หลังจากนั้นก็ทำการรดน้ำเช้า-เย็น ประมาณ 3-4 วัน ต้นข้าวจะงอกทะลุกระสอบป่านหรือสแลนกลางแสง ให้เอาที่คลุมออก และรดน้ำต่อไปจนกล้าอายุ 15 วัน ในการรอต้นกล้าโตนั้น การเตรียมแปลงนาเพื่อการปลูกก็เป็นสิ่งสำคัญ ต้องมีการปรับพื้นดินให้สม่ำเสมอโดยให้น้ำในนามีระดับเพียงตื้นๆประมาณ 1 เซ็นติเมตร ไม่ควรลึกมากเพราะหากโยนต้นกล้าลงไปแล้วจะทำให้ต้นกล้าข้าวลอยน้ำ รากจะไม่สามารถหยั่งลงดินได้ และควรใส่ปุ๋ยรองพื้นก่อนโยนต้นกล้า 1 วัน ในส่วนการโยนกล้านั้น จะใช้ต้นกล้าประมาณ 60-70 กระบะต่อไร่ จากนั้นคนที่จะโยนกล้าจะต้องหยิบกระบะกล้ามาวางพาดบนแขน แล้วใช้มือหยิบกล้าข้าวหว่านหรือโยนในแปลง โดยโยนให้สูงกว่าศีรษะ ต้นกล้าจะพุ่งลงโดยใช้ส่วนรากที่มีดินติดอยู่ลงพื้นดินก่อน และหลังจากนั้นประมาณ 3 วัน ต้นข้าวจะสามารถตั้งตัวได้ แล้วก็สามารถทำการเพิ่มระดับน้ำให้อยู่ที่ระดับครึ่งหนึ่งของต้นข้าวหรือประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อการควบคุมวัชพืช

ที่มาบึงกาฬ สัมพันธ์

‘>

ข่าวสังคม-การเมือง ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด