จากกรณีสื่อเฟสบุ๊คได้นำเสนอข่าวกลุ่มวัยรุ่นกว่า 50 คนยกพวกตีกันในขบวนแห่ผ้าป่าสามัคคีที่หมู่บ้านสามหนอง หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 9 ต.บัวตูม อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ เป็นเหตุให้ นายเชาวรัตน์ อันทะรินทร์อายุ 49 ปีบ้านเลขที่ 50 หมู่ที่ 9 บ้านสามหนอง ถูกยิงที่ต้นแขนขวากระดูกแตกได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น เหตุเกิดเมื่อเย็นวันที่ 4 ก.ค.ผ่านมา วันนี้ทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.โซ่พิสัย ได้แกะรอยตามคลิปติดตามรถคนร้ายไปซึ่งเห็นยี่ห้อรถและทะเบียนชัดเจน จนสามารถติดตามจับกุมวัยรุ่นต่างถิ่นซึ่งเป็นเยาวชนอายุแค่ 17 ปีผู้ก่อเหตุได้แล้ว คุมตัวมาสอบสวนยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือยิงปืนในวันเกิดเหตุจริง แต่อำนาจการควบคุมตัวเยาวชนได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมงจึงปล่อยตัวชั่วคราวไปก่อนและนัดให้มาสอบปากคำในวันพรุ่งนี้ โดยมีผู้ปกครองมาเซ็นรับทราบด้วย
เมื่อเวลา 14.00 นวันที่ 8 ก.ค.พ.ต.ต.อภิศักดิ์ กรองทิพย์ ผกก.สภ โซ่พิสัย อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ได้สั่งการให้พ.ต.ท.หาญชนะ พรมดีนสว.สส.พ.ต.ต.ภูวนาถ อนันต์เอื้อ สว.อก.ช่วยงานสืบสวน ร.ต.อ.วิเชียร ตรีรัตน์ รอง สว.สส.พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนออกติดตามหาข่าวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุยิงปืนถูกพลเมืองดีได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น จากคลิปภาพวีดีโอที่มีผู้ถ่ายภาพเหตุการณ์ที่กลุ่มวัยรุ่นทั้งสองฝ่ายยกพวกตีกันนั้นพบว่ารถกลุ่มคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้าน ที่กำลังตั้งขบวนแห่ไปตามถนนในหมู่บ้านสามหนองได้รับบาดเจ็บนั้น ทราบว่าเป็นรถยี่ห้ออีซูซุ ดีแม๊กซ์สีดำ ทะเบียน ผต.2595 อุดรธานี จากการตรวจสอบทางสำนักงานขนส่งจังหวัดทราบว่าผู้ครอบครองรายนี้ คือนายวรรัตน์ ชนูนันท์ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 6 ต.เซิม อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย
แต่ได้ขายรถคันดังกล่าว ให้กับนายไชยพิมล สีคลัง บ้านเลขที่ 107 หมู่ที่ 1 ต.นาดี อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย อยู่ระหว่างเตรียมเอกสารการโอนทะเบียนรถ จึงได้ติดตามไปยังบ้านเลขที่ดังกล่าว พบนายเอ (อนุชา) อายุ 17 ปี(นามสมมุติ) บุตรชายนั่งอยู่ในบ้านพอดี เมื่อสอบถามได้ยอมรับว่าตนเป็นผู้ ที่ขับรถและยิงปืนตามคลิปในข่าวที่เสนอไปจริง พร้อมยอมรับว่าวันเกิดเหตุพวกต้นประมาณ 20 คน ได้ ขับรถยนต์ไปด้วยกัน 2 คันเพื่อไปเที่ยวงานบุญผ้าป่า
ซึ่งในงานมีหมอลำซิ่งและก็รถแห่ที่ผู้นำจ้างมาฉลอง ก่อนเกิดเหตุได้มีเรื่องเขม่นกันกับวัยรุ่นเจ้าถิ่น เพื่อนในกลุ่มจึงถูกเจ้าถิ่นใช้ขวดแก้วตีที่คิ้วจนแตกได้รับบาดเจ็บ จากนั้นได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนกันขึ้น ตนจึงชักปืนไทยประดิษฐ์ .38 นิ้วที่พกพาไปด้วยยิงขึ้นฟ้า 2 นัด พร้อมกับเรียกพรรคพวกขึ้นรถกลับบ้านทันที ระหว่างออกมายังได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นยิงปืนตามไล่หลังมา ทำให้รถของตนถูกยิงไป 3 นัดที่กระบะด้านท้ายจนเป็นรู ตนจึงยิงขู่ไปบ้างไม่ทราบว่าทิศทางกระสุนไปที่ใด เพราะทั้งขับพาพวกหนีตายมือขวาประคองพวงมาลัย มือซ้ายกำปืนตามคลิป และไม่รู้ว่าไปถูกใครผู้บาดเจ็บบ้าง ส่วนกลุ่มคู่อริวัยรุ่นเจ้าถิ่นได้ถือมีดดาบและไม้วิ่งตามมาจะไล่ตี แต่ไม่ทันพวกคนหลบหนีออกจากหมู่บ้านสามหนองมาได้รอดหวุดหวิด ตั้งใจว่าจะเข้ามอบตัวพร้อมกับแจ้งความให้ดำเนินคดีกับคู่อริด้วยแต่ยังไม่ไป ถูกตำรวจชุดสืบสวนเข้ามาควบคุมตัวเสียก่อน เบื้องต้นตำรวจได้ยึดอาวุธปืน .38 ที่ใช้ก่อนเหตุมาตรวจสอบด้วย โดยรับว่าได้สั่งซื้อทางเน็ตในราคา 7,000 บาท เพิ่งได้มาใช้ยิงเป็นครั้งแรก
ทางด้าน พ.ต.ต เนติศักดิ์นรา จันทาทิพย์ สว.(สอบสวน )เจ้าของคดี ได้เดินทางเข้าสอบปากคำ นายเชาวรัตน์ อันทะรินทร์ อายุ 49 ปี ผลเมืองดีถูกลูกหลงบาดเจ็บที่แขนขวากระหัก 2 ท่อน และถูกส่งตัวเข้าไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลบึงกาฬ โดยนายเชาวรัตน์ ได้เล่าว่า วันเกิดเหตุขณะที่ขบวนแห่ผ้าป่ากำลังเดินไปรอบๆ หมู่บ้านโดยมีรถขบวนแห่เปิดเพลงให้เสียงไปด้วยซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากทั้งต่างถิ่นและเจ้าถิ่น ต่างเต้นกันสนุกสนานขณะนั้นได้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันขึ้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดตนจึงได้เรียกให้กลุ่มชาวบ้านที่กำลังแห่ต้นเงินอยู่นั้นหลบเข้าข้างทาง จังหวะนั้นมีรถยนต์วัยรุ่นขับผ่านไปเสียงปืนก็ดังขึ้นอีก 1 นัด ตนถูกยิงเข้าที่แขนได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวมารักษาดังกล่าว ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนนั้น พรุ่งนี้ได้นัดผู้ปกครองพาตัวมาเริ่มต้นสอบสวน คาดว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาได้ 3-4 กระทง หลักๆ คงเป็นข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำพาอาวุธปืนเข้าไปในเมืองและทางสาธารณะฯ
ด้านนายมนตรี สาลีลำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านสามหนอง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า งานผ้าป่าครั้งนี้ ตามกำหนดการเดิมจะทอดถวายเมื่อเดือนเมษายนผ่านมา แต่เนื่องจากติดไวรัส covid-19 จึงเลื่อนมาจนถึงวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นผ้าป่าลูกหลานชาวบ้านที่ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ ได้นำมาทอดถวาย ที่วัดป่าในหมู่บ้าน แต่ได้เกิดเหตุการณ์เศร้าขึ้นระหว่างขบวนแห่ต้นเงินไปเข้าวัดจนจึงได้สั่งการให้ยุติขบวนแห่ไว้ก่อนเนื่องจากใกล้มืดค่ำเกรง ชาวบ้านจะได้รับอันตรายเนื่องจากเกิดเหตุวุ่นวายคู่กรณีที่ทะเลาะวิวาทกันก็มีหลายกลุ่มหลายคน ใช้อาวุธหลากหลายเข้าทำร้ายกันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอฝากทางสื่อมวลชนได้ติดตามเรื่องนี้ให้ด้วยเนื่องจากผู้บาดเจ็บไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับคู่กรณีหรือเป็นคู่ทะเลาะวิวาทกัน เป็นชาวบ้านและเป็นพลเมืองดีด้วย.
ขอขอบคุณที่มาข่าว https://siamrath.co.th/n/168189
‘>