LINE : ติดต่อผู้ดูแล

ยินต้อนรับเว็บไซต์ข่าวสารเพจข่าวท้องถิ่นบึงกาฬ

วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน 2024
ข่าวเด่นบึงกาฬ

ททท.เปิดภาพ”7 พิกัดที่เที่ยวจังหวัดบึงกาฬ”

ถ้ำนาคา

ถ้ำนาคาเป็นถ้ำที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดในช่วงนี้ ถ้ำนาคาตั้งอยู่บนขอบผาของภูลังกา ถ้ำนาคามีความสวยงามโดดเด่น แม้จะเป็นถ้ำที่ไม่ลึก ไม่เป็นโพรงถ้ำใหญ่ๆ หรือซับซ้อนมากมายนัก แต่ลักษณะเฉพาะของถ้ำนาคานั้นอยู่ตรง “รูปทรง” ที่มหัศจรรย์ รูปทรงอันมหัศจรรย์นั้นก็คือมีลักษณะคล้ายลำตัวพญานาคพันเลื้อยโอบกอดผาหิน อีกทั้งห่างไปไม่เกิน 500 เมตร ก็มีหินขนาดใหญ่คล้ายกับ “ส่วนหัวนาคา” ทำให้เป็นจุดหมายสำหรับผู้คนที่ศรัทธาเกี่ยวกับพญานาค และผู้คนที่ชื่นชอบท่องเที่ยวก็ปัก “ถ้ำนาคา” เป็นหมุดหมายแรกๆ ของการเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดบงกาฬ และด้วยความที่นักท่องเที่ยวมากันเยอะมาก เลยมีการจำกัด 350 คน ต่อวัน โดยจองผ่านแอพ QueQ ล่วงหน้าได้อย่างมากที่สุด 15 วัน

ถ้ำกินรีนาคา

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวลักษณะคล้ายๆ กับถ้ำนาคา แต่ความพิเศษแรกคือ ไม่ต้องเดินขึ้นภูเขาอย่างถ้ำนาคา ที่ต้องเดินกว่า 2 กิโลเมตร และเป็นทางเขา ส่วนถ้ำกินรีนาคานั้นอยู่ใกล้ๆ กับตัววัดป่ากินรี เพียงแค่จอดรถที่ลานจอด แล้วเดินต่อไปไม่ถึง 5 นาที ถ้ำกินรีนาคาก็ปรากฏสู่สายตาของเรา การเข้าถึงถ้ำกินรีนาคานั้นง่ายกว่าถ้ำนาคาเยอะเลย เพียงแต่รูปแบบของก้อนหิน การเลื้อยพันอาจไม่เหมือนกันเสียทีเดียว การเข้าชมถ้ำกินรีนาคา ไม่ต้องจองผ่านแอพ QueQ สามารถเข้าชมได้เลย แต่จากจุดนี้ถ้าจะเที่ยวต่อ ยัง “หินโลมา” หรือ “หินนาคา” สามารถใช้บริการมัคคุเทศก์ท้องถิ่นได้

หินสามวาฬ

เป็นหินสามก้อนขนาดใหญ่มากๆ หินแต่ละก้อนยื่นตัวออกจากตัวแผ่นดิน ลักษณะคล้ายวาฬสามตัว พ่อ แม่ ลูก แหวกว่ายไปบนทะเลป่าสีเขียว จุดชมวิวตรงนี้เป็นจุดชมพระอาทิตยขึ้นที่สวยงามมาก หากจะถ่ายภาพสวยๆ แนะนำให้เพื่อนร่วมทริปอยู่บนตัวพ่อ (ตัวที่ชิดริมขอบหน้าผาด้านนอกสุด) ยืนหรือนั่งตรงหัววาฬ ส่วนเราหรือคนถ่ายภาพให้ยืนอยู่วาฬตัวแม่(ก้อนหินตัวกลาง) จะได้ภาพสวยๆ มองเห็นตัวแบบที่อยู่บนหินวาฬ และมีฉากหลังเป็นขอบภูเขาไกลๆ และมีแม่น้ำโขงรองรับ ตั้งอยู่ในเขต พื้นที่อนุรักษ์ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู นอกจากหินสามวาฬแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ บนภูสิงห์อีก เช่น กำแพงภูสิงห์ ลานธรรม ส้างร้อยบ่อ การชมวิวบนภูสิงห์ ไม่ต้องเดินขึ้นให้เหนื่อย เพราะจะมีรถอาสาป่าไม้ ให้เราเหมาคันละ 500 บาท นั่งไปเพลินๆ ไม่เกิน 30 นาที รถก็จะมาจอดตรงทางเดินเข้า ใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 นาที เราก็จะมายืนอยู่บนหัววาฬสักตัวแล้ว

ภูทอก
ตั้งอยู่ที่วัดเจติยาคีรีวิหาร เป็นภูเขาที่ไม่สูงมากนัก แต่ต้องเดินขึ้นไปเท่านั้น เป็นทางบันไดไม้ที่ตอกยึดเข้ากับตัวภูเขาหิน ว่าไปแล้วการสร้างก็มาจาก “ศรัทธา” ของผู้คนที่มีต่อพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ จนบันไดไม้นี้ถือเป็นสัญลักษณ์และความมหัศจรรย์ของภูทอกแห่งนี้ไปแล้ว พอเราขึ้นไปที่ชั้น 3 จะมีทางแยก 2 ทาง ซ้ายกับขวา ถ้าอยากขึ้นไปให้เร็วให้ใช้ทางแยกซ้าย แต่ถ้าอยากเห็นจุดชมวิวสวยๆ และมีบันไดไม้ยาวๆ ถ่ายภาพสวยๆ ประกอบ ให้เลือกเดินไปทางขวา

 

น้ำตกถ้ำพระ
เสน่ห์ของน้ำตกถ้ำพระ นอกจากเป็นสวนน้ำธรรมชาติ มีลานสไลเดอร์ที่ถูกพูดถึงกันแล้ว การเดินทางเข้าไปก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน เพราะเป็นน้ำตกที่เราต้องนั่งเรือเข้าไป บรรยากาศตอนนั่งเรือก็คล้ายๆ กับผ่านป่าอเมซอน ล่องผ่านน้ำนิ่งๆ ที่ถูกทำลายจังวหวะด้วยหัวเรือแหวกผ่านเข้าไป น้ำตกถ้ำพระตรงจุดที่เป็นไฮไลท์นั้นจะมีหน้าผาขนาดกว้าง มีบริเวณเล่นน้ำเพียงพอต่อนักท่องเที่ยวจำนวนมาก มีสไลเดอร์ตัวที่ใหญ่สุดอยู่ตรงนี้ ถ้าจะให้เล่นสนุกก็ต่อตัวกอดเอวกันหลายๆ คน ทางสไลเดอร์จะวกลงเลี้ยว.

วัดอาฮงศิลาวาส
วัดอาฮงศิลาวาส นั้นมีโบสถ์สวยๆ หันหน้าลงแม่น้ำโขง และแม่น้ำโขงตรงจุดนี้ ก็เป็นสะดือแม่น้ำโขงพอดี ว่ากันว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำ ในช่วงฤดูฝนน้ำจะหมุนวนตรงนี้เป็นวงกว้างก่อนเคลื่อนตัวไหลลงต่อไปเรื่อยๆ ถัดไปไม่ไกลจะเป็น แก่อาฮง ตรงจุดแก่งอาฮง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตรงแม่น้ำโขงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ภายในตัววัด จะมีสวนหินธรรมชาติ สวยน่าเข้าไปเยี่ยมชม

พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต
ตัวพิพิธภัณฑ์เป็นบ้านไม้ที่เจ้าของปรับมาให้เห็นการดำรงอยู่ของผู้คนชาวอีสานสมัยก่อน และบริเวณโดยรอบก็มี ภาพเขียนพญานาคติดตั้งอยู่ รวมๆ แล้วก็เกือบทั้งหมู่บ้านเหมือนกัน จนหลายๆ คนเรียกว่าหมู่บ้านพญานาค ล่าสุด มี ประติมากรรมสองฝั่งโขง แยกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเศียร อีกส่วนเป็นลำตัวและหาง ถ้าถ่ายภาพทั้งสองจุดแล้วเอาภาพมาต่อกันก็จะได้ภาพเท่ๆ ไปอวดเพื่อนผ่านโซเชียล

‘>

ข่าวเด่นบึงกาฬ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด