“ปิยบุตร” เยือนบึงกาฬ หาเสียงช่วยผู้สมัครชิงนายกอบจ. ลั่นไม่ต้องรอ 10 ปีปลดแบน – เลือกนายก อบจ. “ก้าวหน้า” วันนี้ ได้วิสัยทัศน์ “ธนาธร”บริหารท้องถิ่นทันที ซัดคนปล่อยข่าวมั่วเลือกไปก็ถูกยุบ ศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 เวลา 16.28 น.
[ ไม่ต้องรอ 10 ปี ปลดล็อก ! “ปิยบุตร” เลาะริมโขงเปิดเวที “บึงกาฬ” หนุน “ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น” – ปลุก ปชช.เลือกส่งเสียงสะท้อนไล่ “ประยุทธ์” – เจ้าตัวมั่นใจ “ปักธงก้าวหน้า – ธงประชาธิปไตย” ]
.
เช้าวันนี้ ปิยบุตร แสงกนกกุล เดินทางไปเยือนภาคอีสานตอนบน เลาะริมโขงช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับ ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บึงกาฬ เบอร์ 2 เปิดเวทีปราศรัยขนาดย่อมที่ อ.โซ่พิสัย เชิญชวนประชาชนร่วมลงคะแนนให้ผู้สมัครของคณะก้าวหน้าเพื่อการเปลี่ยนแปลงและยืนยันสานต่อภารกิจพรรคอนาคตใหม่และจุดยืนหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มากที่มารอฟังและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
.
***”ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น” ชูปักธงประชาธิปไตยในบึงกาฬ – วาง 2 เป้าหลักเศรษฐกิจดี – ดัชนีความสุขเพิ่ม
.
ภูมิพันธ์ เปิดเวทีปราศรัยโดยบอกว่า คณะก้าวหน้าให้โอกาสคนธรรมดาอย่างตนเองได้มาเป็นผู้สมัครนายก อบจ. ซึ่งตนเองพร้อมยืนเคียงข้างแกนนำคณะก้าวหน้าร่วมต่อต่อต้านเผด็จการ และสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างเข้มแข็ง และการแข่งขันหาเสียงของเรายืนหยัดด้วยอุดมการณ์แนวทาง 3.เรื่อง คือ 1. แนวทางประชาธิปไตย 2. แนวทางการเมืองแบบใหม่ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ยืนหยัดด้วยเสียงบริสุทธิ์ของพี่น้องประชาชน ทำเพื่อประชาชน และ 3.ไม่ทุจริตคอรัปชั่น ไม่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์และความร่ำรวย และตนมีความมั่นใจสำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ว่าจะสามารถปักธงคณะก้าวหน้า ปักธงประชาธิปไตยในบึงกาฬได้อย่างแน่นอน
.
“สำหรับเป้าหมายของเราในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคนบึงกาฬ หลักๆ แล้วมีสองเรื่อง 1.ความต้องการของพี่น้องชาวเกษตรกรที่ต้องการรายได้เพิ่ม ทุกวันนี้รายได้มวลรวมของจังหวัดบึงกาฬอยู่ที่ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาทต่อปี หารแล้วจะตกเฉลี่ยอยู่ที่ 7.8 หมื่นบาทต่อคนต่อปี ซึ่งเราตั้งเป้าว่าจะต้องบริหารเพื่อเพิ่มให้ไปถึงค่าเฉลี่ยที่ 1.2 แสนบาทต่อคนต่อปีให้ได้ และ 2. ความสุขมวลรวมที่วัดโดยสำนักงานส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) วันนี้บึงกาฬอยู่ที่ 7.2 เราตั้งเป้าจะเพิ่มให้ไปถึง 8 ให้ได้ และที่สำคัญคือ ยางพาราเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนจังหวัดบึงกาฬ เรามุ่งมั่นอย่างมากที่จะผลักดันให้เกิดการแปรรูปขึ้นในจังหวัดของเรา ให้เรามีสิทธิในการกำหนดราคา นอกจากนี้เรายังเห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน เราเห็นความสำคัญของเศรษฐกิจพื้นฐานของพี่น้อง นโยบายทั้งหลายเราใช้เวลาคิดมาเป็นปี ทำงานร่วมกันกับพี่น้องในการลงศึกษาดูพื้นที่ต่างๆ และเรายังมีนโบายด้านสาธารณูปโภค สวนสาธารณะ น้ำไฟฟ้า ประปา ฯลฯ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดของเรา นั่นคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน” ภูมิพันธ์ กล่าว
.
***เล็งพัฒนาท่องเที่ยวปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก – สร้างขนส่งสาธารณะเชื่อมโยง
.
ภูมิพันธ์ ยังระบุด้วยว่า คณะก้าวหน้าบึงกาฬยังมีนโยบายอีกหลายอย่างที่สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชาวบึงกาฬ นั่นคือการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก ต่อยอดและพัฒนาจุดดึงดูดในพื้นที่ท่องเที่ยว และที่สำคัญคือการสร้างระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เข้าหากัน โดยในด้านการขนส่งสาธารณะนี้ เรามีนโยบายในการสร้างระบบขนส่งมวลชนระยะทาง 23 กิโลเมตร โดยเริ่มเชื่อมต่อจุดผ่านแดนบึงกาฬไปยังตัวเมืองบึงกาฬ และสิ้นสุดที่วัดโพธาราม ในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ที่ 15 บาทตลอดสาย รวมทั้งให้มีอัตราการเดินรถที่สะดวกและเพียงพอทุกๆ 30 นาที และทุกๆ 15 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่รกร้างตามแนวการเดินรถให้เป็นสถานที่ค้าขาย นำรายได้ที่เกิดจากการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวและการคมนาคมให้กระจายลงสู่ชุมชน
.
***”ปิยบุตร” ซัดคนปล่อยข่าวมั่วเลือก “ก้าวหน้า”จะถูกยุบ – ชี้ยิ่งจะยุบต้องยิ่งกาแสดงพลังขู่ว่าไม่กลัว
.
จากนั้น เวทีถูกส่งต่อให้กับปิยบุตร ที่เริ่มต้นด้วยการเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปในการส่งผู้สมัครลงแข่งขันในการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า ต้องท้าวความย้อนไปตั้งแต่สมัยตั้งพรรคอนาคตใหม่ เชื่อว่าหลายคนที่นี่กาให้พรรคอนาคตใหม่ ทุกคนทราบดีว่าเราก่อตั้งขึ้นมาเพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช. และไม่เอาประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนั้นเราเสนอตัวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกรัฐมนตรี พี่น้องสรับสนุนเรามา 6.3 ล้านเสียง แต่ธนาธรเข้าไปในสภาได้ไม่ถึง 10 นาทีก็ถูกเตะออกมาด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตนยังได้เข้าไปทำงานในสภา พยายามเป็นปากเสียง แต่ก็มีเวลาอยู่แค่ 10 เดือน 28 วัน ศาลรัฐธรรมนูญก็ยุบพรรคอนาคตใหม่ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี เตะตนออกมาจากสภาอีกคน
.
“แต่แม้พวกตนจะถูกตัดสิทธิออกมาแล้วก็ไม่ยอมอยู่เฉยๆ ถ้าทำแบบนั้นคนที่อยากให้ยุพรรคจะได้ใจ เราเลยตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นมาสืบสานแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่ หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนการเมืองท้องถิ่น ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น และผลักดันการกระจายอำนาจ เพราะฉะนั้นอย่าเสียดาย นี่ทำให้เราได้เดินทางมาพบกับพี่น้องได้ถึงที่ ได้ทุกที่ อย่างไรก็ตาม วันนี้ก็เริ่มมาอีกแล้ว มีพวกนักร้องเรียนไปร้อง กกต. ไปหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาทางสกัดกั้นพวกเราคณะก้าวหน้า ว่าเราทำตัวเสมือนพรรคการเมืองอีก และยังมีการมาปล่อยข่าวอีกว่าอย่าไปเลือกคณะก้าวหน้า เดี๋ยวคะแนนจะหายไปเปล่าๆ เพราะเดี๋ยวก็โดนคดีอีก ขอย้ำตรงนี้ว่า อย่าไปเชื่อ ยิ่งเป็นแบบนั้นพี่น้องยิ่งต้องมากาพวกเราให้มากๆ ให้ถล่มทลาย ยิ่งจะเป็นการช่วยไม่ให้พวกเราถูกคดี คนที่คิดจะทำลายพวกเรายิ่งต้องคิดหนัก ว่าจะยุบอีกกี่ครั้งประชาชนก็ยังสนับสนุนพวกเรา การยุบไปจะคุ้มหรือไม่ ทำให้เขาเห็นว่าเราไม่สยบยอม” ปิยบุตร กล่าว
.
***แซะช่วงนี้ รมต.ขยันลงพื้นที่บ่อย-ปลุกประชาชนร่วมเปลี่ยนแปลงเลิกการเมืองเก่าผูกขาด
.
ปิยบุตร กล่าวอีกว่า สิ่งหนึ่งที่เราจะสังเกตได้ คือช่วงนี้รัฐมนตรีต่างขยันมาก เดินทางไปจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้สมัครเป็นเครือญาติกันลงสมัครเป็นนายก อบจ.แทบจะทุกสัปดาห์ ซึ่งไม่เป็นไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่สิ่งที่พวกเราต้องคิดกัน ว่าการที่คนในบ้านเดียวกันเป็นรัฐมนตรี อีกคนหนึ่งเป็น ส.ส. อีกคนเป็นนายกเทศมนตรี ฯลฯ เหมากวาดทุกตำแหน่งแบบนี้ เราเรียกว่าผูกขาดการเมืองหรือไม่ การที่ตระกูลหนึ่งสามารถยึดได้ทั้งจังหวัดทุกตำแหน่ง สำหรับเรานี่คือเรื่องที่เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย การเมืองไม่ควรถูกผูกขาดไว้ที่บ้านหลังใดหลังหนึ่ง คณะก้าวหน้ายึดหลักว่าเจ้านายของเราคือประชาชน สำหรับภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ผู้สมัครนายก อบจ.ของเรา บ้านที่เขาสังกัดคือบ้านของชาวบึงกาฬทุกคน ชาวบึงกาฬทุกคนคือเจ้านายของเขา ไม่ใช่ธนาธร ไม่ใช่ปิยบุตร นี่คือการเมืองแบบใหม่แบบสร้างสรรค์ ที่ผ่านมาเวลาเราพูดเรื่องนายก อบจ. มีแต่คนบอกว่าการเมืองท้องถิ่นโหด มีอิทธิพล เงินตรา อำนาจรัฐ กลไกต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเต็มไปหมด แต่ที่เราตัดสินใจลงมาก็เพราะต้องการเปลี่ยนการเมืองแบบนี้
.
“หากการซื้อเสียงยังใช้ได้ผล ถ้ามีใครมาซื้อเสียงแล้วเรากาตามเขา ทำให้เขาได้รับเลือกตั้งไป เขาจะได้เข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่บริหารเงินแต่ละปีมีประมาณ 3-4 ร้อยล้านบาท ใครก็ตามที่เอาเงินมาแจก ขอให้พี่น้องตระหนักไว้เลยว่าที่เอาเงินมาแจกต้องอย่าไปกา ถ้าเขาได้มาเป็นนายก อบจ.เขาจะเอาคืนไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า เพราะฉะนั้น ถ้าให้มาก็รับไว้ แต่ก็มองหน้าให้แม่นๆ ว่าเบอร์ไหน แล้วก็อย่าไปกา เราต้องการเปลี่ยนการเมืองแบบตระกูลให้เป็นแบบทั่วๆ ไป ภูมิพันธ์เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ เป็นประธานหอการค้านักธุรกิจรุ่นใหม่ อยากเข้ามาเปลี่ยนแปลงจังหวัดบึงกาฬ มีนโยบายต่างๆเต็มไปหมด ภูมิพันธ์ไม่ต้องใช้อะไรในการเดินเข้ามาคุยกับธนาธรและตน ไม่ต้องเป็นคนของบ้านไหน ไม่ต้องต่อแถวเดินตามนาย แต่ภูมิพันธ์มีความคิดประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ และมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน ที่ทำให้คณะก้าวหน้าส่งภูมิพันธ์ลงชิงนายก อบจ.บึงกาฬ ดังนั้น อยากให้พี่น้องลองเลือกแบบใหม่ๆ หลายคนบอกว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าพี่น้องกาแบบเดิมก็จะไม่ได้แบบใหม่ เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการเปลี่ยนแปลงที่บึงกาฬ เราต้องกาหมายเลข 2 ให้เป็นนายก อบจ.บึงกาฬ แล้วจะได้การเปลี่ยนแปลงที่จังหวัดบึงกาฬแน่นอน” ปิยบุตร กล่าว
.
***ไม่ต้องรอ 10 ปีปลดแบน – เลือกนายก อบจ. “คณะก้าวหน้า” วันนี้ ได้ “ธนาธร” ลุยงานบริหารท้องถิ่นทันที
.
ปิยบุตร กล่าวทิ้งท้ายว่า พี่น้องหลายคนที่มีมีจิตใจรักประชาธิปไตย ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เยาวชนที่ชุมนุมอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำเท่าไหร่ประยุทธ์ก็ไม่ออกเสียที พี่น้องอยากช่วยแต่ต้องทำมาหากิน ไม่สามารถเสียค่ารถไปได้ ตนคิดว่ามีวิธีง่ายๆ ที่สามารถใช้ในการแสดงออกได้ทุกคน นั่นคือถ้าพี่น้องอยากให้ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปชุมนุมก็ได้ ขอเพียงในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ เข้าคูหากาเลือกภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น เบอร์ 2 ให้เป็นนายก อบจ. เพราะนี่คือคนที่ธนาธรและตนสับสนุนให้ลงที่นี่ ถ้าพี่น้องร่วมกันกาให้มากๆ จนถล่มทลาย นั่นก็คือการส่งสัญญาณไปดังๆ แล้ว ว่าเราไม่เอาประยุทธ์
.
“เพราะฉะนั้น ถ้ากาให้คณะก้าวหน้า พี่น้องจะได้การเมืองแบบใหม่ๆ ได้เปลี่ยนตัวนายก อบจ. เสียที นอนจากนั้น ยังได้ส่งสัญญาณว่าคนบึงกาฬไม่สนับสนุนประยุทธ์ ไม่เอาประยุทธ์ และที่สำคัญ พี่น้องที่เสียดายว่าพวกเราอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ถูกตัดสิทธิ อยากให้ไปทำงาน หลายคนบอก 10 ปีก็จะรอ กี่ปีก็จะรอ หากพี่น้องเห็นเราถูกรังแก ได้รับความอยุติธรรมมาตลอดเวลา เสียดาย ผมเสนอว่าถ้ายังรักธนาธร ยังรักผม เสียดายโอกาส ไม่ต้องรออีก 10 ปี วันที่ 20 ธันวาคมนี้ไปกากบาทเลือกผู้สมัครคณะก้าวหน้า นั่นก็คิอการแสดงออกว่ายังรักและสนับสนุนพวกเราพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปอยู่ แสดงออกให้พวกเขาเห็นว่าต่อให้ยุบอีกกี่พรรค พี่น้องประชาชนก็จะเดินหน้าสนับสนุนพวกเราต่อไป เลือกนายก อบจ.คณะก้าวหน้าวันนี้ ได้วิสัยทัศน์ธนาธรลุยงานบริหารท้องถิ่นทันที” ปิยบุตร กล่าว
บึงกาฬบ้านเรา อนาคตเรา อนาคตบึงกาฬ บึงกาฬต้องเปลี่ยน บึงกาฬต้องก้าวหน้า วิสัยทัศน์ เพื่อไปสู่เป้าหมาย 1. รายได้พี่น้องในจังหวัดบึงกาฬ ต้องอย่างน้อย 120,000 ต่อคน/ปี เมื่อรายได้เฉลี่ยมากขึ้นแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความเลื่อมล้ำทางสังคมมากนัก ความสุขมวลรวมของคนบึงกาฬ หรือภาษาฝรั่งเรียกว่า Happy Index จะต้องเพิ่มขึ้น จากปัจจุบัน 7.2 ขึ้นเป็น 8 จากคะแนนเต็ม 10 จึงเป็นที่มาของ 5 นโยบาย บึงกาฬต้องเปลี่ยน
1.เปลี่ยนจากเมืองปลูกยางพารา เป็นเมือง ศูนย์กลางการค้าและนวัตกรรมยางพาราโดย – จะต้องมีโรงงานแปรรูปยางพาราของเราเองคนบึงกาฬ โดยหุ้นมาจากทุกภาคส่วนของคนในจังหวัด ทั้ง เกษตรกร ชาวบ้าน กลุ่มสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน เอกชน และ อบจ. เป็นบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคม บริหารโดย นักบริหารมืออาชีพ เป็นโรงงานของเราเอง ซื้อกำหนดราคาเอง ปันผลกำไรให้เราเอง ได้ 2 ทาง และเกิดการจ้างงานให้ลูกหลานเราในจังหวัดบึงกาฬ – ศูนย์นวัตกรรมและการพัฒนา ยางพารา เป็นศูนย์เพื่อให้ความรู้ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อพัฒนานวัตกรรม จากยางพาราทั้งระบบ มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนนำประจำศูนย์ พัฒนาผู้ประกอบการ เกษตกร เพื่อนำไปเป็นอาชีพสร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้ ลูกหลานคนรุ่นใหม่เป็นผู้ประกอบการ นักธุรกิจในพื้นที่
2. เปลี่ยนจากเมืองชายแดน สู่ เมืองท่าประตูการค้าสู่อินโดจีน รองรับสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 ที่จะเชื่อมไปยังลาว ท่าเรือเวียดนามใกล้ที่สุดโดยเส้นทางนี้ – จะต้องมีศูนย์กระจายสินค้า หรือเรียกว่า HUB สินค้าเพื่อรองรับการขนส่งค้าขาย รวมทั้งตลาดอินโดจีน ในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการค้าขายรายได้จากการค้าขายเพื่อไม่ให้บึงกาฬเป็นแค่ทางผ่าน แต่บึงกาฬจะต้องได้ประโยชน์จากสะพานที่อยู่ในพื้นที่
3. เปลี่ยนจากเมืองป่า เขา น้ำโขง สู่ เมืองท่องเที่ยวเมืองท่องเที่ยวผจญภัยและศิลปะร่วมสมัยสู่สากล – ปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ที่จอดรถ ป้ายบอกทาง ห้องน้ำ ปรับปรุงเมือบึงกาฬเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว – สร้างพิพิธภัณฑ์ รากเหง้าชุมชน คนบึงกาฬ เพื่อให้เป็นที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ให้คนบึงกาฬระลึกถึงบรรพบุรุษเรา – จัดกิจกรรมใหญ่กระตุ้นการท่องเที่ยว “เทศกาลท่องเที่ยว ดนตรีและศิลปะอารธรรมลุ่มน้ำโขง” เพื่อดึงนักท่อเที่ยวเข้าสู่บึงกาฬ – สร้างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น แนวทางศิลปะร่วมสมัย ทุกอำเภอ อย่างน้อยอำเภอละ 1 จุด – ส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้านการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่จังหวัดบึงกาฬ – รถขนส่งสาธารณะ เชื่อมเมือง บขส.และสถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว รวมทั้งรถขนส่งสาธารณะเชื่อมอำเภอ
4. เปลี่ยนจากเมืองเยาวชนห่างไกลสถานศึกษา สู่ เมือง สร้างศิลปิน กีฬา สู่สากล อาชีพ – สนับสนุนให้สโมสรกีฬาของจังหวัดบึงกาฬ และมีการส่งนักกีฬาแข่งขันอย่างจริงจัง – ส่งเสริมให้เกิดห้องเรียน ดนตรีและ โรงเรียนนาฎสินธิ์จังหวัดบึงกาฬให้นักเรียน เยาวชนมีทักษะด้านดนตรี ร้องเพลง สามารถสร้างรายได้ในระหว่างเรียนได้ – เกิดโรงเรียนกีฬาประจำจังหวัดบึงกาฬ เพื่อพัฒนาเยาวชนทักษะด้านกีฬา – โรงเรียนต้นแบบสาธิต แนวทางการศึกษาแบบไหม่ ระดับก่อนปฐมวัย เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาการศึกษาในอนาคตสังกัด อบจ.
5. เปลี่ยนจากเมืองจังหวัดห่างไกล สู่เมืองน่าอยู่ สุขภาพ สังคมและสิงแวดล้อมเป็นเลิศ (บึงกาฬฮักแพง เบิ่งแงง แบ่งปัน) – สร้างธนาคารชุมชนคนบึงกาฬ เพื่อให้คนบึงกาฬเข้าถึงทุนในการประกอบอาชีพ และแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ สนับสนุนให้มีสถานที่พื้นที่กิจกรรมพักผ่อนให้ชุมชนเมืองและต่างอำเภอทั้ง 8 อำเภอ – อุดหนุนระบบสวัสดิการชุมชน ผ่านสภาองค์กรชุมชนทั้ง 59 ตำบล – อุดหนุนระบบกู้ภัย กู้ชีพ ให้มีประสิทธิภาพทั้ง 59 อปท. – สร้างศูนย์กีฬาประชาชน ให้มีพื้นที่กิจกรรมเยาวชน มีพื้นที่ทำกิจกรรมและกีฬา ท้ายสุด โครงการพัฒนาตามความต้องการของพี่น้อง นอกจากในแผนพัฒนาหลัก พี่น้องมีส่ววนร่วมเสนอโครงการเข้ามา จำนวนปีละไม่น้อยกว่า 10 โครงการ และคัดเลือกจากพี่น้องเองว่าจะทำโครงการไหนก่อน ด้วยนโยบายและวิสัยทัศน์ เราจึงมั่นใจว่า คนรุ่นใหม่อาสามาทำงานและจะ สามารถเปลี่ยนบึงกาฬ ให้ก้าวหน้า ก้าวไกล ต่อไปในอนาคตได้แน่นอน “บึงกาฬต้องเปลี่ยน บึงกาฬต้องก้าวหน้า”
‘>