“ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น” หาเสียงโค้งสุดท้าย วอนชาว “บึงกาฬ” ให้โอกาสคนธรรมดาเปลี่ยนการเมืองท้องถิ่นเป็นเรื่องของทุกคน

“ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น” หาเสียงโค้งสุดท้าย วอนชาว “บึงกาฬ” ให้โอกาสคนธรรมดาเปลี่ยนการเมืองท้องถิ่นเป็นเรื่องของทุกคน

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ จ.บึงกาฬ นายภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บึงกาฬ เบอร์ 2 และทีมผู้สมัครสมาชิกสภาจังหวัด (ส.อบจ.) ครบทีม เปิดเวทีปราศรัยใน 4 จุด โดยมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมาช่วยปราศรัยในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย โดยจุดแรกคือ ที่วัดศิริมงคลวนาราม ต.ป่งไฮ อ.เซกา ต่อด้วยที่หน้าตลาดสดชัยพร อ.ชัยพร, ตลาดนัดศรีชมภู อ.โซ่พิสัย และปิดท้ายที่ตลาดบ้านนาทอง อ.พรเจริญ ทุกเวทีปราศรัยเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนมารอฟังเป็นจำนวนมาก ขณะที่มีข่าวเรื่องการแจกเงินซื้อเสียงสะพัดไปทั่วหลายพื้นที่ในจังหวัด แต่ประชาชนชาวบึงกาฬหลายคนยืนยันว่าไม่เอาการเมืองแบบเก่า ไม่เลือกคนซื้อสิทธิ์ซื้อเสียง

และนายธนาธรทำงานร่วมกันอย่างหนักในการออกแบบนโยบาย จนกลายมาเป็นวิวัยทัศน์ 2 ด้าน ด้านแรก การเพิ่มรายได้ให้แก่คนบึงกาฬ พัฒนา จ.บึงกาฬ ให้กลายเป็นแหล่งการแปรรูปยางพาราชั้นนำให้ได้ และอีกเรื่องคือพัฒนาการท่องเที่ยว สร้างระบบขนส่งสาธารณะให้ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวบึงกาฬ ให้นำรายได้เข้าจังหวัดให้มากขึ้น จะต้องมีการลงทุนใหม่ๆ มีเศรษฐกิจใหม่ๆ สร้างงานที่มีรายได้สูงขึ้น และด้านที่สอง เราต้องการทำให้บึงกาฬเป็นจังหวัดที่คนมีความสุขเพิ่มขึ้น ตนมีแนวคิดว่าจะต้องยกระดับความสุขของคนบึงกาฬให้สูงขึ้น คนบึงกาฬจะต้องมีพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนเข้าไปใช้สอยได้มากขึ้น มีพื้นที่ทำกิจกรรมให้เด็กและเยาวชน ให้ห่างไกลจากยาเสพติด

“ที่ผ่านมาบึงกาฬมีงบประมาณปีละกว่า 360 ล้านบาท สี่ปีรวมกันกว่า 1,400 กว่าล้านบาท มีอะไรดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ หรือย่ำอยู่กับที่ ทำไมบึงกาฬไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่เคยมีอะไรดีขึ้นเลย ดังนั้น เราจึงเห็นว่าบึงกาฬต้องเปลี่ยน คณะก้าวหน้าให้โอกาสคนธรรมดาอย่างผมมาเป็นผู้สมัครนายก อบจ. ผมก็พร้อมยืนเคียงข้างแกนนำคณะก้าวหน้าร่วมต่อต่อต้านเผด็จการและสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างเข้มแข็ง โดยการแข่งขันหาเสียงของเรายืนหยัดด้วยอุดมการณ์แนวทาง 3.เรื่อง คือ 1. แนวทางประชาธิปไตย 2. แนวทางการเมืองแบบใหม่ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ยืนหยัดด้วยเสียงบริสุทธิ์ของพี่น้องประชาชน ทำเพื่อประชาชน และ 3.ไม่ทุจริตคอรัปชั่น ไม่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์และความร่ำรวย มั่นใจสำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ สามารถปักธงคณะก้าวหน้า ปักธงประชาธิปไตยในบึงกาฬได้อย่างแน่นอน” นายภูมิพันธ์ กล่าว

นายภูมิพันธ์ กล่าวอีกว่า บึงกาฬไม่ได้เลือกนายก อบจ.มานานถึง 9 ปีแล้ว และตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราก็อยู่ภายใต้การปกครองของ คสช.ที่มาจากการยึดอำนาจ แล้ววันนี้ก็สืบทอดอำนาจเป็นรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งพ่อแม่พี่น้องชาวบึงกาฬก็รับรู้เองอยู่แล้วว่าทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราเป็นอย่างไร มีเงินมีทองใช้ในกระเป๋ามากขึ้นไหม บึงกาฬเป็นอย่างไร บ้านเมืองเราพัฒนาขึ้นหรือไม่ ตนในฐานะที่ร่วมงานมาตั้งแต่ครั้งพรรคอนาคตใหม่ จนวันนี้กลายมาเป็นผู้สมัคร นายก อบจ.บึงกาฬ ในนามคณะก้าวหน้า เชื่อว่ามีแต่การเมืองที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ที่จะทำให้เสียงสะท้อนของประชาชนชาวบึงกาฬจะได้รับการรับฟัง มีแต่การเมืองที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้นที่ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวบึงกาฬจะได้รับการเหลียวแล และวันนี้ เราคงต้องมาขีดเส้นกันให้ชัดว่า แบบไหนกันที่เรียกว่าสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ คสช.ที่นำโดยประยุทธ์ จันทร์โอชา และแบบไหนที่คือการต่อสู้เรียกร้องให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยซึ่งสิทธิเสียงของประชาชนมีความหมายและได้รับการเหลียวแล

“ผมอยากขอโอกาสพี่น้องชาวบึงกาฬผู้มีจิตใจรักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตยทุกคน วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคมนี้ เข้าคูหาเลือกตัวแทน นายก อบจ. และ ส.อบจ. จากคณะก้าวหน้า ไปพัฒนาเปลี่ยนแปลงจังหวัดบึงกาฬให้ดีขึ้น ให้โอกาสคนธรรมดาอย่างพวกเรา เปลี่ยนการเมืองที่เป็นเรื่องของกลุ่มคนไม่กี่คน ตระกูลการเมืองไม่กี่ตระกูล ให้เราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน หากพี่น้องชาวบึงกาฬอยากปลดแอกจากระบบเผด็จการ ระบบอุปถัมภ์ และอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน ขอให้ออกไปเลือก เบอร์ 2 ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ตัวแทนจากฝ่ายประชาธิปไตย คณะก้าวหน้าจะพาบึงกาฬก้าวไกล ไปสู่อนาคตใหม่ที่ดีกว่านี้ได้อย่างแน่นอน” นายภูมิพันธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร กล่าวบนเวทีปราศรัยตอนหนึ่งว่า นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่จะแปลงเปลี่ยนท้องถิ่นให้ดีกว่าเดิม และเป็นโอกาสอันดีที่จะเปลี่ยนแปลงนายก อบจ. บึงกาฬ เพราะ จ.บึงกาฬ ไม่เคยเปลี่ยนตัวนายกเลยตั้งแต่แยกตัวออกมาเป็นจังหวัด กว่า 9 ปีแล้วที่บึงกาฬยังไม่พัฒนาไปไหน ตนเห็นศักยภาพบึงกาฬว่าดีกว่านี้ได้ ด้วยงบประมาณปีละกว่า 360 ล้านบาท หนึ่งวาระหรือสี่ปี รวมกันกว่า 1,400 กว่าล้านบาท เชื่อว่าหากบึงกาฬอยู่ภายใต้การบริหารของภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ รับรองได้ว่าคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวบึงกาฬจะดีขึ้นกว่านี้ได้ และนอกจากนี้ภูมิพันธ์ ยังเป็นคนี่มีอุดมการณ์แบบอนาคตใหม่ ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย ไม่ซื้อสิทธิ์ซื้อเสียง และต่อต้านอำนาจที่ไม่ได้มาจากเผด็จการทุกรูปแบบ’>