เรือนจำจังหวัดบึงกาฬ ปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ จำนวน 158 ราย ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ.2563
นายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นผู้แทนพระองค์ในพิธีปิดการฝึกอบรมตามโครงการ “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” รุ่นที่ 2/1 เรือนจำจังหวัดบึงกาฬ และปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ จำนวน 158 ราย ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ.2563 โดยมีนายอำนวย เปรมกิจพรพัฒนา ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดบึงกาฬ และผู้ต้องราชทัณฑ์เข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพียงกัน ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 อย่างเคร่งครัด
นายอำนวย เปรมกิจพรพัฒนา ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรวันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ.2563 เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านี้กลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ชาติสืบไป ทั้งนี้ เรือนจำจังหวัดบึงกาฬ ได้ดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษดังกล่าว ซึ่งมีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวกลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว และออกไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสังคม จำนวน 158 ราย
สำหรับผู้ต้องราชทัณฑ์กลุ่มนี้ เป็นผู้มีความประพฤติดีได้รับการแก้ไขฟื้นฟูและไม่เป็นภัยต่อสังคมรวมทั้งผ่านการอบรมโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” ต่างตั้งใจรับการศึกษาอบรมเป็นอย่างดี ตลอดจนธรรมศึกษาเพื่อปรับเปลี่ยนความคิดทัศนคติให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ดำเนินชีวิตอย่างมีปกติสุข เป็นประชาชนที่ดี และไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก
จากนั้น ผู้ต้องราชทัณฑ์ได้ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณตน ก่อนถูกปล่อยตัวส่งมอบให้กับญาติๆ ที่มารอรับบริเวณด้านหน้าเรือนจำจังหวัดบึงกาฬ โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มปิติยินดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่างหาที่สุดมิได้
‘>