สาธารณสุขจ.บึงกาฬ ชี้แจงกรณีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ

นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุข จ.บึงกาฬ ให้สัมภาษณ์ กับ สวท.บึงกาฬ ในรายการบึงกาฬวันนี้ วันที่ 20 ก.ย. 2564 กรณี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใน จ.บึงกาฬ ภาพรวมจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยลงอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 รายเป็น คนงานก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ ทั้ง 2 ราย รายแรกเป็นผู้หญิงอายุ 39 ปี ภูมิลำเนาเป็นคน จ.สกลนคร และมาทำงานก่อสร้างที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ โดยทำงานร่วมกับเพื่อนๆ แล้วมีเพื่อนคนหนึ่งเดินทางกลับบ้านที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2564 เมื่อกลับมาทุกคนก็ทำงานร่วมกันตามปกติ และมีการรับประทานอาหารร่วมกัน และเมื่อวันที่ 13 ก.ย. เพื่อนคนงานคนดังกล่าวได้รับข่าวจากว่าญาติที่ จ.สกลนคร ติดเชื้อโควิด-19 จึงมีตรวจหาเชื้อ และพบว่าตนเองติดเชื้อโรคโควิด-19 ในวันที่ 16 ก.ย. จึงแจ้งไปยังแคมป์คนงานก่อสร้างที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ ให้ไปตรวจหาเชื้อกัน และคนงานก่อสร้างผู้หญิงอายุ 39 ปี จึงไปตรวจหาเชื้อและพบว่ามีเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 18 ก.ย. 2564 ซึ่งประวัติการเดินทางไปสถานที่ต่างๆใน จ.บึงกาฬของผู้ติดเชื้อรายนี้คือ วันที่ 12 ก.ย. 2564 ช่วงเย็นเวลาประมาณ 17:00 – 17:30 น. เดินทางไปซื้อของที่ตลาดสดเทศบาลตำบลบึงกาฬ แต่ในขณะที่เดินตลาดก็มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และอีกหนึ่งวันคือวันที่ 17 ก.ย. 2564 เดินทางไปเที่ยวที่ถนนคนเดิน ตลาดต้องชม ถนนข้าวเม่าริมโขง ช่วงเย็นเช่นเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนที่เดินทางไปในสถานที่ดังกล่าวในวันและเวลาเดียวกัน ให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเอง หากมีไข้หวัด ไอ มีน้ำมูลก็ให้มาตรวจหาเชื้อที่ รพ.บึงกาฬ อยากให้สบายใจได้เพราะจะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะตลอดเวลาที่อยู่ใน 2 สถานที่ดังกล่าว ผู้ติดเชื้อรายนี้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา

ส่วนผู้ติดเชื้ออีกรายหนึ่งคือ ผู้ชายอายุ 37 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนคนงานที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ติดเชื้อรายแรก เพราะมีการทำงานด้วยกัน และรับประทานอาหารร่วมกัน แต่รายนี้ทำงานตอนกลางวันและพักผ่อนในตอนเย็น ไม่ได้เดินทางไปไหนที่สำคัญ ความเสี่ยงจึงไม่เท่ากับรายแรก รวมทั้ง 2 รายนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด 10 คน ซึ่งทั้งหมดในขณะนี้ได้กักตัวอยู่ที่แคมป์คนงานก่อสร้าง แยกพักต่างหาก มีคนส่งข้าวส่งน้ำให้ และมีการตรวจหาเชื้อวันที่ 5 และวันที่ 12 ของการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้มีคนงานคนอื่นๆที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอีกประมาณ 30 คน ก็ให้ทำงานตามปกติ แต่ก็มีการป้องกันตัวเองด้วยมาตรการ Bubble and Seal ก็คือให้ทำงานตามปกติ แต่ไม่ให้ออกไปไหน มีคนส่งข้าวส่งน้ำให้ เพื่อไม่ให้มีการไปสัมผัสกับบุคคลอื่นภายนอก จะสัมผัสอยู่แต่กับกลุ่มที่ทำงานเดียวกัน

นพ.ภมร ดรุณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่พบในจ.บึงกาฬ เป็นคนที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะมีการรายงานตัว และตรวจหาเชื้อก่อนจะไปในชุมชน ซึ่งจ.บึงกาฬมีมาตรการที่ดีในการคัดกรอง และในส่วนของสถานการณ์การฉีดวัคซีนในจังหวัดบึงกาฬ ขณะนี้ฉีดไปแล้วเพียง 21% ของประชากรทั้งหมดในจ.บึงกาฬ หรือประมาณ 90,000 กว่าคน ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 70% ก็คือต้องฉีดให้ได้ประมาณ 290,000 กว่าคน ดังนั้นก็ต้องฉีดเพิ่มประมาณ 50 % แต่ขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้เน้นให้ฉีดกลุ่ม 608 ก่อน คือกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งจ.บึงกาฬมีเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้กลุ่มนี้ อยู่ที่ประมาณ 90,000 คน ขณะนี้ฉีดไปได้ประมาณ 40 % แล้ว คือประมาณ 40,000 กว่าคน ซึ่งเป้าหมายอยู่ที่ 50% ภายในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ซึ่งก็ถือว่าใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว

สวท.บึงกาฬ กรมประชาสัมพันธ์