ค่ำวันที่ 13 กันยายน 2566 ณ ถนนข้าวเม่าริมแม่น้ำโขง อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ องค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับจังหวัดบึงกาฬ แถลงข่าวการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้านประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรม ภายใต้ชื่องาน “12 ปี เปิดประตูสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม 2566 โดยนายอนันต์ จรุงโรจน์รัศมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานแถลงข่าว นางแว่นฟ้า ทองศรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ นายนภดล จอมเพชร ปลัดจังหวัด นายสมหวัง อารีย์เอื้อ หัวหน้าสำนักงานจังหวัด นายกริชชัย ศิลปะรายะ ท้องถิ่นจังหวัด นายพุทธาสิทธิ์ จันทร์เต็ม ประชาสัมพันธ์จังหวัด นายพีรพล ขุนพานเพิง นอภ.เมืองบึงกาฬ พ.ต.ท.ปกรณ์ ปัญญามงคล รอง ผกก.สส.สภ.เมืองบึงกาฬ นายบุญเพ็ง ลามคำ ประธานหอการค้าจังหวัด นายธนาพงศ์ แสนสุภา รองนายก ทม.บึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชนและประชาชนร่วมแถลงข่าว
นายอนันต์ จรุงโรจน์รัศมี กล่าวว่า จังหวัดบึงกาฬเตรียมจัดงานออกพรรษาทั่วทั่ง 8 อำเภอในจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นอำเภอปากคาดที่มีบั้งไฟพญานาค และไหลเรือไฟ วัดอาฮงขึ้นชื่อว่าวังพญานาคที่มีการจัดงานสินค้าชุมชนในพื้นที่ อำเภอบุ่งคล้าที่มีประเพณีออกพรรษาโบราณ ไหลเรือไฟ และกระทงสายแบบธรรมชาติ บ้านดงบังและบ้านเหล่าหลวงที่มีบั้งไฟพญานาคเช่นกัน รวมถึงอำเภอเมืองบึงกาฬที่ศูนย์กลางการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการแสดง แสงสีเสียง
จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมงานกัน อันเป็นความภาคภูมิใจของชาวบึงกาฬที่จะมีประเพณีออกพรรษา ดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้และเศรษฐกิจ ควบคู่กับการพัฒนาจังหวัดบึงกาฬที่จะมีแลนด์มาร์คในบริเวณจัดงานต่อไปในอนาคต โดยมี ดร.ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ขับเคลื่อนการพัฒนาดังกล่าว
นางแว่นฟ้า ทองศรี กล่าวว่า มีความพร้อมในการจัดงานครั้งนี้อย่างมาก การจัดงาน 12 ปี เปิดประตูสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับจังหวัดบึงกาฬ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของวันออกพรรษาอันเป็นประเพณีงดงามของชาวพุทธ และการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยใช้จุดเด่นของจังหวัดบึงกาฬทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม ประเพณี และตำนานแห่งพญานาคที่ขึ้นชื่อว่า นครนาคา Soft Power ที่โด่งดัง สู่การสร้างรายได้และเศรษฐกิจให้ประชาชนในพื้นที่ โดยการนำเอาประเพณีตำนานความเชื่อในพื้นที่มาต่อยอดพัฒนา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเที่ยวชมตลาด street food การมาพักของนักท่องเที่ยวเพื่อเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัด อาทิ ถ้ำนาคา หินสามวาฬ หรือ Naga’s Route
ในช่วงการจัดงาน ทั้งนี้การจัดงานจะมีการรักษาความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การอำนวยความสะดวกการจราจร ความสะอาดของพื้นที่ การเก็บขยะ การให้บริการสุขาเคลื่อนที่ และการบริการน้ำดื่มสะอาด โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในงานยังมีการแสดง การประกวดเต้นบาสโลบ การแสดงศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่น ของเยาวชนจากสถาบันการศึกษาจังหวัดบึงกาฬ การประกวดธิดานาคาบึงกาฬ การประกวดพานบายศรี การแสดงของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ การแสดงของคณะหมอลำ ”ใจเกินร้อย“ กิจกรรมการไหลเรือไฟโบราณ และไหลประทีปพุทธบูชา
นายบุญเพ็ง ลามคำ ประธานหอการค้าจังหวัด กล่าวว่า ที่พักแรมทั้งโรงแรมและรีสอร์ตก็พอมีเหลืออยู่บ้าง แต่นักท่องเที่ยวก็ต้องจองล่วงหน้าเอาไว้ ป้องกันการหาที่พักไม่ได้ เพราะงานชมบั้งไฟพญานาคมี 2 ที่ในโลกคือที่ จ.หนองคาย และจ.บึงกาฬ และมีแค่ 2 วันของทุกปีคือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 และวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 เท่านั้น ส่วนร้านอาหารต่างๆ ทราบมาว่าได้สั่งปลาน้ำโขง ซึ่งมีรสชาติอร่อยดี เอาไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเมนูลาบปลา ต้มปลา ทอดปลาเนื้ออ่อน และหมกพุงปลาน้ำโขงที่อร่อยขึ้นชื่อ โดยเฉพาะปลายฝนต้นหนาวเนื้อปลาจะมันอร่อยกว่าทุกฤดูกาล